เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2563 นายพิทยา พรโพธิ์ รองประธานเครือข่ายสื่อมวลชนต่อต้านทุจริตแห่งชาติ (ส.ท.ช.) พร้อมด้วยกรรมการ ส.ท.ช.ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อนางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค โดยมีนายพชร แกล้วกล้าผู้ช่วยเลขาธิการมูลนิธิเป็นตัวแทนรับมอบทั้งนี้เพื่อสนับสนุนให้มูลนิธิ เป็นแกนนำในการตรวจสอบกรณี ที่คณะกรรมการแข่งขันทางการค้า(กขค.) กระทรวงพาณิชย์ ในคราวประชุมเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2563 มีมติเสียงส่วนใหญ่ เห็นชอบการอนุมัติการควบรวมธุรกิจระหว่าง บริษัท ซี.พี.รีเทล ดีเวลลอปเม้น จำกัด ในกลุ่ม ซี.พี.กับ บริษัท เทสโก้ สโตร์ (ประเทศไทย) เจ้าของธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง Tesco Lotus กว่า 2,100 สาขา ซึ่งถือเป็นการควบรวมธุรกิจ ระหว่างยักษ์ค้าปลีกค้าส่ง ซึ่งอาจจะจึงทำให้ภายหลังการควบรวมธุรกิจดังกล่าว ทางกลุ่ม ซี.พี. จะเป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาดยิ่งขึ้นอีก โดยมีส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 70% ของตลาดค้าปลีก ค้าส่ง และคอนวิเนียนสโตร์ในประเทศไทย
นายพิทยากล่าวว่า แม้คณะกรรมการแข่งขันทางการค้า จะตั้งเงื่อนไขและเงื่อนเวลาที่กำหนดให้ธุรกิจค้าปลีกที่ขออนุมัติควบรวมกิจการในครั้งนี้จะต้องดำเนินการตามเงื่อนไขที่คณะกรรมการ
กำหนดไว้ 7 ข้อ ควบคู่ไปกับการควบรวมในครั้งนี้แต่สังคมก็ยังไม่มั่นใจว่าเงื่อนไข และเงื่อนเวลาที่ คณะกรรมการแข่งขันทางการค้ากำหนดข้างต้น จะเป็นแนวทางป้องกันการผูกขาดและใช้อำนาจเหนือตลาดได้มากน้อยแค่ไหน เพราะตามหลักเกณฑ์ของ คณะกรรมการแข่งขันทางการค้า ที่เมื่อประกาศให้ธุรกิจใด เป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาด ดูจากมีส่วนแบ่งการตลาดมากกว่าร้อยละ 50 และมียอดขายมากกว่า 1,000 ล้านบาทนั้น คณะกรรมการแข่งขันทางการค้า และสำนักงาน จะต้องกำหนดหลักเกณฑ์ที่เป็นคู่มือปฏิบัติ ให้ธุรกิจ จะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ ที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด การที่กลุ่มทุน ซี.พี.ยังคงสามารถดำเนินการควบรวมกับธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งในระนาบเดียวกันได้อีกอย่างต่อเนื่อง จึงย่อมทำให้สังคมมีความเคลือบแคลงในการทำหน้าที่ของคณะกรรมการแข่งขันทางการค้าว่า ได้ทำหน้าที่กำกับดูแล ให้ตลาดมีการแข่งขันอย่างเสรีและเป็นธรรมเพียงพอหรือไม่ และมีการใช้อำนาจหน้าที่ที่เป็นคุณหรือเพื่อประโยชน์ให้แก่ทุนยักษ์หรือไม่ รวมทั้งผลพวงจากการอนุมัติควบรวมธุรกิจในครั้งนี้ จะยังประโยชน์แก่ประชาชนมากน้อยแค่ไหน หรือจะทำให้ประชาชนสูญเสียประโยชน์อย่างที่หลายฝ่าย แสดงความห่วงใย ซึ่งล่าสุดนั้น ทางคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจฯ สภาผู้แทนฯ ก็ได้เข้ามาตรวจสอบเรื่องดังกล่าวอีกทางหนึ่งแล้ว
ทั้งนี้การที่ ส.ท.ช. ได้มายื่นหนังสือต่อ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคในครั้งนี้ เพราะเล็งเห็นว่าที่ผ่านมามูลนิธิเพื่อผู้บริโภคมีบทบาทในการเป็นเครื่องมือ และกลไกในการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ ในการกำกับดูแลเพื่อสาธารณประโยชน์ และผลประโยชน์ของผู้บริโภคมาโดยตลอด และผลพวงจากการมีอำนาจเหนือตลาด ย่อมจะส่งผลกระทบทั้งต่อผู้ค้าปลีก ในระดับเดียวกัน ตลอดจนผู้ผลิตสินค้ารวมทั้งผู้บริโภค ทางเครือข่าย ส.ท.ช. จึงต้องการเห็นบทบาทมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคจะได้แสดงท่าที และจุดยืนที่ชัดเจน ต่อกรณีดังกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี