นายญาณพล ลิมปนะโชคชัย ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลการเกษตร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(สอท.) เปิดเผยว่าทางกลุ่มอุตสาหกรรมฯได้คาดการณ์การเติบโตของตลาดเครื่องจักรกลการเกษตรของไทยในปี 2564 ว่าจะสามารถเติบโตได้กว่า 5% จากเดิมที่มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 50,00-60,000 ล้านบาท ขณะที่การส่งออกก็จะตามมาเท่าๆ กัน โดยปัจจุบันการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศจะมากกว่า 33,000 ล้านบาทต่อปี เนื่องจากได้มีการขยายฐานหาตลาดใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถทำการส่งออกเครื่องจักรของไทยมากขึ้น โดยเราจะเน้นไปที่ประเทศกำลังจะพัฒนาและยังมีความต้องการอยู่สูงก็คือ กลุ่มประเทศแอฟริกา อาทิ ไนจีเรีย กานา แคเมอรูน แอฟริกาใต้ โมซัมบิก อียิปต์ และแทนซาเนีย ซึ่งเป็นความร่วมมือกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ(DITP) กระทรวงพาณิชย์

“กลุ่มประเทศเหล่านั้นเปลี่ยนนโยบายจากการส่งออกน้ำมันมาเป็นการทำเกษตรมากขึ้นและอย่างในประเทศไนจีเรียเองก็ได้มีการส่งเสริมเกษตรภายในประเทศมากขึ้น อีกทั่งยังมีการตั้งเป้าให้ตัวเองเป็นครัวของแอฟริกาเนื่องจากถือว่าเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค และปัจจัยที่ได้เปรียบคือมีประชากรและพื้นที่ค่อนข้างมาก ทั้งนี้ในอนาคตอาจจะส่งผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตรของไทย โดยเฉพาะข้าวก็เป็นได้ แต่อย่างไรก็ตาม ณ ขณะนี้ถือว่านโยบายดังกล่าวยังเป็นปัจจัยบวกให้กับการส่งออกเครื่องจักรทางการเกษตรของไทยอยู่”นายญาณพล กล่าว

ทั้งนี้มั่นใจว่าอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลการเกษตรของไทยยังมีศักยภาพในการแข่งขันค่อนข้างสูง และสามารถขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งของตลาดอาเซียนได้ ถึงแม้ว่าปัจจุบันในเรื่องของราคายังไม่สามารถต่อสู่กับประเทศจีนได้ แต่ในตลาดประเทศที่มองว่าเป็นคู้แข่งอย่างเวียดนามนั้นประเทศไทยถือว่าดีกว่าในเรื่องของเครื่องจักร และที่ผ่านมาในช่วงที่เกิดสถานการณ์โควิด-19 ระบาดนั้นในส่วนของผู้ประกอบการไทยเองก็ได้รับผลกระทบไม่มากนัก เนื่องจากมาตรการการเจาะตลาดใหม่ๆ เพื่อทำการส่งออกนี้ แต่ต้องยอมรับว่าปริมาณการขายในประเทศนั้นมีการปรับตัวลดลง เนื่องจากเกษตรกรส่วนใหญ่จะมีการซื้อใหม่น้อยและเน้นไปที่การซ่อมบำรุงใช้ไปก่อนมากกว่า

อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมาในกลุ่มอุตสาหกรรมเองได้มีการจัดงานมหกรรมแทรกเตอร์และจักรกลการเกษตรไทยครั้งที่ 15 ประจำปี 2563 หรือ Thailand Tractor& Agri-Machinery (ThaiTAM) เพื่อแสดงศักยภาพเทคโนโลยีของเครื่องจักรกลการเกษตรไทย รวมทั้งมีการแลกเปลี่ยนความรู้โดยมีการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งสามารถสร้างมูลค่าซื้อขายจากการจับคู่เจรจาธุรกิจในงานดังกล่าวไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท