การซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2563 ดัชนีปรับลดลงอย่างหนัก ขณะที่นักวิเคราะห์ชี้ว่าเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 (COVID-19) ระลอกใหม่ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครสั่งล็อกดาวน์พื้นที่โรคระบาดเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2563จนถึง 3 มกราคม 2564 หลังพบประชาชนติดเชื้อ COVID-19 จำนวน548 ราย โดยกว่าครึ่งเป็นแรงงานต่างด้าวนอกจากนี้ในวันต่อมา ยังมีการรายงานผู้ติดเชื้อจากเคสสมุทรสาครเพิ่มอีก 164 ราย รวมเป็น 694 ราย และยังมีผู้ติดเชื้อเพิ่มต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ดัชนีปรับลดลงก่อนปิดทำการที่ 1,401.78 ลดลง 80.60 ด้วยมูลค่าการซื้อขาย(วอลุ่ม) 129.435.44 ล้านบาท
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ชี้ว่า การแพร่ระบาดรอบใหม่จะกดดันบรรยากาศการลงทุนในระยะสั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องเฝ้าระวังไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย คาด SET Index จะตอบสนองด้วยการปรับตัวลงราว 2-3% ทดสอบแนวรับบริเวณ 1,440-1,450 จุด แต่คาดว่าจะเป็นจังหวะดีในการทยอยสะสม/ซื้อคืน
“บล.ทิสโก้มองว่าเป็นเหตุการณ์เพียงชั่วคราว และยังให้น้ำหนักน้อยมากที่จะเกิดการแพร่ระบาดรอบ 2 เป็นวงกว้าง จนนำไปสู่การใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั้งประเทศ ขณะที่แนวโน้มกระแสเงินทุนไหลเข้า (Fund Flows) ปีหน้า มองยังเป็นบวกอยู่จากแนวโน้มกำไรบริษัทจดทะเบียนที่จะเริ่มกลับมาเติบโตอีกครั้งในไตรมาส 1/2564 เป็นต้นไป น่าจะหนุนหุ้นไทยปรับขึ้นได้อีกในระยะถัดไป มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นทะลุระดับ 1,500 จุด ในต้นปีหน้า เพราะฉะนั้น นักลงทุนระยะกลาง ยังแนะนำถือทนแกว่ง และหาจังหวะสะสมเพิ่ม”นายอภิชาติกล่าว
บล.ทิสโก้คาดว่าหุ้นที่จะได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวโดยตรงมากที่สุด คือ หุ้นที่มีที่ตั้งและธุรกิจอยู่ในจังหวัดสมุทรสาคร จากการตรวจสอบมีทั้งหมด 13บริษัท เช่น ASIAN, EKH, M-CHAI, VIH เป็นต้น คิดเป็นประมาณ 2% ของจำนวนบริษัทจดทะเบียนทั้ง SET และ mai ทั้งหมด ขณะที่รายได้และยอดขาย คิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.3% และ 0.4% ของผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในช่วง 9 เดือนของปี 2563
ส่วนกลุ่มเกี่ยวข้องการท่องเที่ยวและเดินทาง เช่น BDMS, BH, AOT, AAV, CENTEL, ERW และ MINT ได้รับผลกระทบเช่นกันจากความระมัดระวังของประชาชนในการเดินทาง ทั้งนี้ จะขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดว่ารุนแรงยาวนานเพียงใด และกลุ่มแบงก์โดยรวมที่อ่อนไหวกับเศรษฐกิจอาจเผชิญแรงขายระยะสั้นด้วยจากความกังวลเกี่ยวกับ NPL
อย่างไรก็ตาม คาดว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้จะมีผลกระทบต่อเนื่องต่อบรรยากาศการบริโภคและการท่องเที่ยวภายในประเทศ กลุ่มที่ได้รับผลกระทบเชิงลบ ได้แก่ กลุ่มค้าปลีก เช่นห้างสรรพสินค้า ได้แก่ CPN, CRC, HMPRO, GLOBAL, BJC, MAKRO และ DOHOME ในพื้นที่ถูกสั่งปิดชั่วคราว สำหรับร้านสะดวกซื้อ ได้แก่ CPALL เปิดได้ แต่ให้ปิดในช่วงกลางคืน รวมทั้งกลุ่มร้านอาหาร เช่น M, ZEN, AU และ OISHI มีผลกระทบจำกัด เนื่องจากมีสัดส่วนรายได้โดยรวมเฉลี่ยราว 1-2% เท่านั้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี