“สุพัฒนพงษ์” ขอแรงช่วยกันฝ่าวิกฤต 2 เดือน เชื่อเดือนมีนาคมเอาอยู่ แล้วค่อยๆฟื้นเศรษฐกิจอีกรอบ รับสถานการณ์ดีขึ้น หันมาดึงดูดลงทุนกันต่อ สั่ง “บีโอไอ-อีอีซี” อย่าหยุด ส่วนกรณีทวายล่าสุดเอกชนส่งหนังสือถึง “บิ๊กตู่” ให้ช่วยแล้ว ยอมรับรัฐบาลไม่มีทอดทิ้งแน่นอน
15 มกราคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาวน์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เปิดเผยว่า หลังเกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ รัฐบาลอยากให้คนไทยทุกคนช่วยกันรักษาวินัยเพื่อให้ผ่านพ้นช่วง 2 เดือนนี้ไปให้ได้เร็วที่สุด โดยเฉพาะในเดือนมีนาคมนี้ รัฐบาลตั้งใจว่าจะต้องเอาให้อยู่ และดูแลสถานการณ์ต่างๆให้ได้ ซึ่งการระบาดในระลอกนี้ส่วนตัวมองว่าโชคดีที่รัฐบาลมีประสบการณ์ในการบริหารจัดการกับการระบาดในรอบแรกมาก่อน จึงได้เตรียมความพร้อมรองรับเอาไว้แล้ว และเชื่อว่าจากนี้ทุกอย่างน่าจะปรับตัวดีขึ้น
“สิ่งสำคัญตอนนี้คือ ขอให้คนไทยช่วยกันรักษาวินัย เพราะถ้าผ่านเรื่องนี้ 2 เดือนไปให้ได้ยิ่งดี จะได้พิสูจน์ว่าเราทำได้เร็วกว่าคราวก่อนที่มีการระบาด ซึ่งรัฐบาลก็มีการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบนานถึง 3 เดือน มารอบนี้จะต้องไม่ทำให้ดีเท่าเดิม เพราะต้องทำให้ดีกว่ารอบเก่าให้ได้ โดยการเยียวยาเงินให้ 2 เดือน ก็ถือว่ามีความเหมาะสมและผ่านการคิดของทุกหน่วยงานมาแล้ว ซึ่งเรื่องนี้เรามีการเรียนรู้ประสบการณ์มาจากครั้งก่อนจึงบริหารจัดการได้ และงบประมาณที่มาจากเงินกู้ แม้ว่าจะใช้จำนวนมากแต่ก็ยืนยันว่าเพียงพอ” นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว
นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวอีกว่า หลังจากสถานการณ์ดีขึ้นก็ต้องเริ่มการฟื้นฟูเศรษฐกิจอีกรอบ เพราะปีนี้รัฐบาลได้ประกาศเอาไว้ตั้งแต่แรกว่าจะเป็นปีแห่งการดึงดูดอุตสาหกรรมสมัยใหม่ให้เข้ามาลงทุนในประเทศ ตอนนี้จึงต้องเตรียมตัวให้พร้อมและทำงานคู่ขนานกันไปกับการเยียวยารักษาสถานการณ์ภายในประเทศให้ดี ล่าสุดก็ได้สั่งการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน คือ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ให้พยายามเร่งพบปะนักลงทุนผ่านวีดีโอคอนเฟอร์เร้นท์ และปรับปรุงกฎกติกามารองรับ โดยจากการรายงานก็รับทราบว่า มีนักลงทุนต่างชาติหลายรายยังสนใจลงทุนในประเทศไทยอยู่
รองนายกฯ ยังกล่าวถึงกรณีโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย หลังจากบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า บริษัทฯ ได้รับหนังสือแจ้งการบอกเลิกสัญญาสัมปทานรวม 7 ฉบับ ว่า ขณะนี้นายกรัฐมนตรีได้รับหนังสือขอความช่วยเหลือจากทางเอกชนแล้ว โดยเรื่องนี้ถือเป็นข้อพิพาทของรัฐบาลเมียนมากับเอกชนไทย แต่รัฐบาลไทยก็ไม่ทอดทิ้ง และขอดูข้อเท็จจริงของเรื่องที่เกิดขึ้นก่อน จากนั้นจึงมาพิจารณาข้อร้องเรียนของเอกชนว่ารัฐบาลจะช่วยเหลือได้อย่างไรบ้าง
“วันนี้ต้องขอดูข้อมูลก่อน เพราะข้อเรียกร้องที่เอกชนเสนอมานั้นตัวเองยังไม่เห็น แต่ก็ไม่ต้องกังวลเพราะกรณีนี้มีข้อตกลงภายใต้สัญญาประชาคมอาเซียน และความร่วมมือก็ 3 ฝ่ายคือไทย เมียนมา และญี่ปุ่น รัฐบาลจะยังคงติดตามอยู่และไม่ทอดทิ้งอะไร ส่วนวงเงินกู้ที่รัฐบาลไทยกันไว้ให้รัฐบาลเมียนมา 4,500 ล้านบาท เพื่อสร้างถนนยาว 139 กิโลเมตรจากชายแดนจ.กาญจนบุรีไปถึงทวาย ซึ่งรัฐบาลก็คงกันเงินจำนวนนี้ไว้ต่อไป”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี