ดร.คุณหญิง กัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ปี 2564คือปีแห่งความท้าทายของการศึกษาไทย เพราะสังคมเปลี่ยนพฤติกรรมการเรียนรู้เพื่อให้สอดรับกับวิกฤติโควิด-19 ทั้งนี้ส่วนของนโยบายของกระทรวงศึกษาฯที่อยู่ในการดูแลของตน จะเน้นนโยบาย 4 เรื่องหลัก คือ โค้ดดิ้ง, วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, การอ่านเขียนเรียนประวัติศาสตร์ผ่านการสื่อสารร่วมสมัย และอาชีวะเกษตร ในปีที่ผ่านมา พบว่านโยบายทั้ง 4 ประสบความสำเร็จในระดับที่น่าพอใจ โดยเฉพาะเรื่องโค้ดดิ้ง ที่นักเรียนทั่วประเทศโดยเฉลี่ยรับรู้และเข้าใจดีขึ้น ดังนั้นในปี 2564 นี้ จะมุ่งเน้นโค้ดดิ้งให้กระจายในวงกว้างนอกเหนือจากครูและนักเรียน เพราะเรื่องนี้สำคัญต่อคนทุกกลุ่มอาชีพและทุกวัยจึงเน้นนโยบาย Coding for All และเร่งจัดทำหลักสูตรโค้ดดิ้งสำหรับผู้ว่างงาน เพื่อรับมือวิกฤติโควิด-19 เพราะจะช่วยประชาชนให้สามารถคิด-วิเคราะห์-วางแผนหางานและเพิ่มรายได้ให้ตัวเอง
ในยุคนี้เป็นยุคการปรับตัวเข้าสู่การศึกษาแบบ New Normal กระทรวงศึกษาธิการมีหน้าที่ทำให้เด็กไทยได้เรียนรู้ในสิ่งที่อยากเรียน และในสิ่งที่สนใจ แต่ต้องไม่ละเลยการปูพื้นฐานการศึกษาตลอดช่วงวัยเรียนอย่างเข้มข้น ทันสมัย และทันสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทุกวินาที ส่วนนโยบายการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ต้องนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมไปปรับใช้ในกระบวนการการเรียนการสอน แบบ STI(Science/Technology/Innovation) เช่นสนับสนุนโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ และโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย 12 แห่งเพื่อขยายโอกาสให้นักเรียนที่มีความสามารถพิเศษด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ระดับมัธยมศึกษาให้สูงมากยิ่งขึ้นให้สูงทัดเทียมกับโรงเรียนวิทยาศาสตร์ชั้นนำของโลก เพื่อเตรียมนักเรียนคุณภาพสูงพิเศษเข้าสู่ระดับอุดมศึกษา เพื่อพัฒนาสู่การเป็นนักประดิษฐ์ นักคิดค้นของประเทศในอนาคต ด้านนโยบายการอ่านเขียนเรียนประวัติศาสตร์ผ่านการสื่อสารร่วมสมัย ยังเน้นให้ครูปรับเปลี่ยนวิธีการสอน และกระบวนการเรียนการสอน โดยนำนวัตกรรมและสื่อการสอนทันสมัยให้นักเรียนเรียนรู้ประวัติศาสตร์ไทยด้วยความสนุก น่าสนใจ ผ่านสื่อการสอนที่เหมาะสมกับเด็กและเยาวชนในแต่ละท้องที่ โดยสอดคล้องกับนโยบายประเทศไทย 4.0 และโลกศตวรรษที่ 21 อันจะส่งเสริมเยาวชนให้เป็นพลเมืองผู้มีความรับผิดชอบ มีความเป็นไทย รักชาติ ศาสนา และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ และเป็นพลเมืองดีในระบอบประชาธิปไตย
ส่วนนโยบายอาชีวะเกษตร เพื่อยกระดับวิทยาลัยเกษตรกรรมและเทคโนโลยี เพื่อสร้างผู้ประกอบการภาคการเกษตรให้สอดคล้องกับสังคมโลกศตวรรษที่ 21 เน้นการพัฒนาสถาบันการศึกษาระดับอาชีวศึกษาที่สอนด้านเกษตรกรรมและประมงให้เป็นแหล่งเรียนรู้และถ่ายทอด เทคโนโลยี และนวัตกรรมการเกษตรให้ชุมชน และมุ่งเน้นโครงการบริหารจัดการน้ำโดยชุมชน ตามแนวพระราชดำริ อันมีเป้าหมายสำคัญคือ ช่วยเกษตรกรในชุมชน ให้มีน้ำกิน น้ำใช้ แก้ปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืน ซึ่งโครงการนี้มีความคืบหน้าอย่างมากมีการขยายผลไปยังชุมชน โดยผ่านการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรชลกรชุมชน ล่าสุดมีแกนนำ ชลกรจาก 5 จังหวัด คือ ร้อยเอ็ด, กาฬสินธุ์, บุรีรัมย์, ศรีสะเกษ และสุรินทร์ เข้าอบรมกว่า 60 คน ซึ่งเกินเป้าหมายที่กำหนดไว้ถึงหนึ่งเท่าตัว พร้อมประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันในการขุดบ่อกว่า 1,500 บ่อ ภายในไตรมาสแรกของปี 2564 ภายใต้หลักคิดประหยัด และธรรมชาติช่วยธรรมชาติ เพื่อแก้ปัญหา ภัยแล้ง และแก้ปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี