นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยเกี่ยวกับความคืบหน้าการจัดตั้งบริษัทลูกเพื่อบริหารทรัพย์สินของการรถไฟฯ ว่าทางการรถไฟฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาและคัดเลือกผู้ที่มีความเหมาะสมเป็นคณะกรรมการบริษัท จำนวน 9 ราย โดยจะพิจารณาตามคุณสมบัติที่เหมาะสมข้อกฎหมาย รวมถึงเกณฑ์กระบวนการของกระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการจดทะเบียนบริษัท เป็นรัฐวิสาหกิจใหม่ต่อไป ซึ่งคาดว่าจะสรรหาได้ผู้บริหารบริษัทลูกหลังจากที่มีการจดทะเบียนบริษัท เรียบร้อยแล้วโดยคาดว่าจะสามารถจดทะเบียนบริษัทได้ภายใน 2 เดือนนับจากนี้ และหลังการจดทะเบียนบริษัทแล้วก็จะมีการส่งมอบและโอนงานให้กับบริษัทลูก เช่น สัญญาต่างๆ ของการรถไฟโดยจะต้องแยกเป็นหมวดหมู่ก่อนส่งมอบงาน
นอกจากนี้ จะมีการพิจารณาแนวทางความเหมาะสม เพื่อให้บริษัทลูกเป็นผู้รับผิดชอบ และดำเนินการบริหารพื้นที่โดยรอบสถานีกลางบางซื่อ ซึ่งจะให้บริหารพื้นที่ที่พิจารณาแล้วว่า มีความเหมาะสม หรือพิจารณาจากพื้นที่5 แปลงแรก จากทั้งหมด 9 แปลง ที่สามารถออกข้อกำหนดและเงื่อนไขรายละเอียดได้ทันที โดยจะออกข้อกำหนดให้เป็นสถานที่ทำงาน ศูนย์ราชการ ที่อยู่อาศัย พื้นที่เชิงพาณิชย์ และเป็น Smart City โดยจะพิจารณาให้บริษัทลูกบริหารพื้นที่ที่มีความเหมาะสมมากที่สุด และหยิบยกจากกรณีการเปิดประมูลพื้นที่แปลง A เนื้อที่ 32 ไร่ วงเงินลงทุน 11,721 ล้านบาท มาประกอบการพิจารณา สำหรับการประมูลนั้นการรถไฟฯได้มีการกำหนดเวลาขายเอกสารตั้งแต่วันที่ 28 ธ.ค. 2563-29 ม.ค. 2564 แต่กลับพบว่า ไม่มีผู้ใดมาซื้อซองประมูลโครงการดังกล่าว
ด้านรายงานข่าวจากการรถไฟฯ ระบุว่าในการดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทลูกเพื่อบริหารทรัพย์สินของการรถไฟฯ นั้น จะใช้ชื่อ“บริษัท เอสอาร์ที แอสเซท จำกัด” และภายใต้บริษัทลูกดังกล่าว จะมีการจัดตั้งบริษัทย่อยอีกประมาณ 3 บริษัท เช่น บริษัทที่ดูแลปัญหาที่ดินบุกรุก, บริษัทดูแลที่ดินที่มีศักยภาพสามารถพัฒนาได้ เป็นต้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี