‘จุรินทร์’ประกาศ
เร่งตามเงินคืน‘อคส.’เร็วสุด
ร่วมมือป.ป.ช.คดีถุงมือยาง
“จุรินทร์” ประกาศเดินหน้าเร่งติดตาม เงินคืน อคส.โดยเร็วที่สุด ชี้อายัดบัญชีแล้ว พร้อมร่วมมือ ป.ป.ช.อย่างเต็มที่
เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ บริเวณหน้าห้องประชุมวายุภักษ์ 3 ช้ัน 4โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทารา ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์
กล่าวถึงกรณีปัญหาเรื่องการจัดซื้อถุงมือยางเทียมขององค์การคลังสินค้า (อคส.)ที่ล่าสุดมีการบีบให้ นายสุชาติ เตชจักรเสมา ประธานบอร์ด อคส.ลาออกว่าหัวใจสำคัญ ที่เป็นภารกิจที่ ตนได้ติดตามมาโดยตลอดคือการเร่งรัดที่จะนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษโดยเร็วและทำอย่างไรจะเอาเงินคืน อคส. ให้ได้โดยเร็วที่สุด ขณะนี้ขั้นตอนที่ผู้อำนวยการคนใหม่กำลังเร่งรัดดำเนินการคือ คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงทางวินัยได้ดำเนินการแล้วและได้รับรายงานล่าสุดคาดว่าจะแล้วเสร็จเร็วๆนี้ ถ้าคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงทางวินัยชี้ว่าผู้ใดที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดบ้างจะได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาอีก 2 ชุด เพื่อชี้โทษว่าโทษจะเป็นอย่างไรบ้าง สำหรับใครบ้าง และอีกชุดหนึ่งชี้ความรับผิดชดใช้ค่าเสียหายว่าใครต้องชดใช้ค่าเสียหายให้กับ อคส. จำนวนเท่าไหร่ อย่างไรบ้าง นั่นเป็นกลไกของ อคส.ที่ต้องปฏิบัติโดยเร็ว และเป็นไปตามขั้นตอนกระบวนกฎหมายตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้ง อคส.
นายจุรินทร์กล่าวว่าส่วนเรื่องของบอร์ดนั้น ผู้อำนวยการคนใหม่ ได้ยื่นเรื่องให้กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ตั้งแต่เมื่อวันที่ 23 ก.ย.2563แล้วซึ่ง ป.ป.ช.ได้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนและได้อายัดเงินในบัญชีต่างๆเสร็จสิ้นไปก่อนหน้านี้นานแล้ว ถัดจากนี้ไปเป็นเรื่องที่ป.ป.ช. จะดำเนินการที่จะเป็นผู้พิจารณาชี้มูลความผิด ว่ามีผู้ใดมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดหรือกระทำการโดยมิชอบบ้าง ซึ่ง ป.ป.ช.มีอำนาจชี้มูลความผิด ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ บอร์ด ประธานบอร์ด รัฐมนตรีหรือใหญ่กว่ารัฐมนตรี ขอให้ป.ป.ช.ได้ทำหน้าที่ ในการที่จะชี้มูลความผิดว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้าง ทั้งนี้ ตนได้สั่งการ อคส. ตามอำนาจหน้าที่ที่ตนมีอยู่ ว่าต้องให้ความร่วมมือกับป.ป.ช. อย่างเต็มที่ เพื่อเร่งรัดในการเอาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ และนำเงินมาคืนให้ได้โดยเร็วที่สุดเท่าที่เราจะทำได้โดยไม่มีการละเว้นผู้ใดทั้งสิ้น ส่วนจะแล้วเสร็จเมื่อไหร่นั้น เราไม่สามารถกะเกณฑ์เวลาของป.ป.ช.ได้ เพราะเราไม่อยู่ในฐานะที่จะไปก้าวก่ายการทำงานป.ป.ช. ก็ได้ทราบความคืบหน้าจากการแถลงข่าว ความคืบหน้าของป.ป.ช. ที่ได้เร่งรัดดำเนินการอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่าเพื่อความโปร่งใสในการพิจารณาจะต้องให้ประธานบอร์ด ยุตติบทบาทก่อนหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า นั่นเป็นเรื่องที่บอร์ดหรือประธานบอร์ดจะต้องพิจารณาว่ายังสมควรที่จะทำหน้าที่อยู่ต่อไปหรือไม่ และยังไม่มีใครเสนอเรื่องใดมาถึงตน อีกทั้งตนยังไม่ได้พูดคุยกับนายสุชาติ อย่างไรก็ตาม ท่านยังมีอำนาจในการดำเนินการตามกฏหมายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งอคส. ที่มีอยู่
เมื่อถามว่า กรณีดังกล่าวมีการเกี่ยวโยงถึงบริษัทเอกชนรายใหญ่ที่เกี่ยวข้องและอาจจะต้องดำเนินการระงับหลังจากนี้หรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่าเรื่องการระงับสัญญาตนได้รับแจ้งจากผู้อำนวยการอคส.คนใหม่ว่าฝ่ายกฎหมายได้พิจารณาเบื้องต้นแล้วส่อว่าสัญญาทุกสัญญาเป็นโมฆะเพราะเหตุว่าผู้ที่ลงนามในสัญญาลงนามเกินอำนาจหน้าที่คือ ตัวเองไม่มีอำนาจเพราะเป็นเงินเกินกว่า 50 ล้านบาทลงนามโดยไม่ผ่านบอร์ด และขณะเดียวกัน สัญญาก็ไม่ผ่านอัยการ เป็นต้น
สำหรับสัญญาลึกลงไปในรายละเอียดแต่ละสัญญา เท่าที่ได้รับรายงาน คือแต่ละสัญญามีข้อบกพร่อง เช่นผู้ลงนามแทน บริษัทไม่มีอำนาจ หรือบางกรณีเซ็นไปแล้วไม่มีตราประทับบริษัทที่จดทะเบียนไว้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยหลักกฎหมายส่งผลให้สัญญานั้น เป็นโมฆะ ซึ่งเหล่านี้เป็นความเห็นเบื้องต้นของฝ่ายกฎหมาย เพราะฉะนั้น125,000 ล้านบาทที่อยู่ในสัญญา ถ้าเป็นโมฆะเสมือนกับไม่ได้มีนิติกรรมผูกพันกับ อคส.เหมือนกับสัญญานั้น ไม่เกิดขึ้นภารกิจที่จะต้องดำเนินการจากนี้คือ ทำอย่างไรเอาเงิน 125,000 ล้านบาท ที่อดีตรักษาการผู้อำนวยการโอนไปให้กับบริษัทแห่งหนึ่งคืนมาให้ได้โดยเร็วที่สุด ขณะนี้ป.ป.ช.ได้อายัดบัญชีเหล่านั้นแล้ว
รายงานข่าวจาก อคส.ระบุต่อด้วยว่าขณะนี้ได้เงินการันตีคืนมาแล้ว 200 ล้านบาทยังเหลือที่อายัดในบัญชีต้องตามคืน1,800 ล้านบาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี