"รมว.ดีอีเอส"ยันไม่ปล่อยผ่านประเด็นไม่เคลียร์ปมหุ้นไทย-หุ้นต่างชาติในไทยคม เล็งเชิญผู้บริหารไทยคม และอินทัช แก้ปมปัญหาและขยับสัดส่วนการถือหุ้นขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 51% เผยอยากเร่งจบเพื่อดันวาระไทยคมเข้า ครม.ทันก่อนหมดอายุสัมปทานในเดือน ก.ย.64
เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2564 นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับแนวทางบริหารจัดการดาวเทียมไทยคม 4 และ 6 ซึ่งจะสิ้นสุดอายุสัมปทานในเดือนกันยายน 2564 ว่า อยู่ระหว่างศึกษารายละเอียดรอบด้าน ก่อนนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้เร็วที่สุด ก่อนวันครบอายุสัมปทาน เพื่อเดินหน้าการโอนถ่ายการบริหารจัดการดาวเทียมไทยคม ให้กับ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT ซึ่งเกิดจากการควบรวมกิจการของวิสาหกิจสื่อสารทั้ง 2 แห่งของรัฐ คือ บมจ.ทีโอที และ บมจ.กสท โทรคมนาคม เพื่อให้สามารถเดินหน้าให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังมีประเด็นสำคัญบางข้อ ที่จำเป็นต้องได้ข้อสรุป คือ โครงสร้างผู้ถือหุ้นในปัจจุบันของ บมจ.ไทยคม ซึ่งเมื่อดูในรายละเอียดเชิงลึกแล้วบริษัทแม่ของไทยคม คือ บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ ถือหุ้นอยู่เพียง 41% ไม่เป็นไปตามกฎหมายซึ่งกำหนดไว้ว่าต้องไม่ต่ำกว่า 51% อีกทั้ง บมจ.อินทัชฯ ก็ยังมีสัดส่วนโครงสร้างผู้ถือหุ้นที่เป็นต่างชาติอยู่ค่อนข้างมาก โดยผู้ถือหุ้นรายสำคัญคือ กลุ่มเทมาเส็กของสิงคโปร์
"โครงสร้างการถือหุ้นที่ซับซ้อนนี้ จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายประเทศไทย คือ สัดส่วนการถือหุ้นของอินทัช ในไทยคม ต้องไม่ต่ำกวา 51% อีกทั้ง ในส่วนของอินทัชเอง ผู้ถือหุ้นใหญ่สุด ก็ไม่ควรเป็นต่างชาติ เนื่องจากดาวเทียม เป็นระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารโทรคมนาคม มีความสำคัญผูกพันอยู่กับประเด็นความมั่นคงของประเทศด้วย" นายชัยวุฒิ กล่าว
ดังนั้น แนวทางเร่งด่วนที่มองไว้ คือ อาจมีการเชิญผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายมาหารือร่วมกัน ซึ่งรวมถึงผู้บริหารของอินทัช และไทยคม เพราะหากได้ข้อยุติที่สอดคล้องกับกฎหมายของไทยได้เร็ว ก็จะเป็นผลดีกับทุกฝ่าย เพราะแนวทางที่เตรียมไว้หลังมีการโอนคืนทรัพย์สินของโครงการไทยคม กลับมายังรัฐ และมอบอำนาจการบริหารดาวเที่ยมไปให้ บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ (NT) แล้ว ก็คงมีความร่วมมือกับเอกชน ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่ารวมถึง บมจ.ไทยคม ซึ่งมีประสบการณ์ตรงอยู่แล้ว เข้ามาทำงานร่วมกัน ในการขับเคลื่อนธุรกิจดาวเทียม ซึ่งเป็นหนึ่งในสายธุรกิจหลักของ NT
"จำเป็นต้องทำงานกันอย่างรอบคอบ เพื่อเป็นบรรทัดฐาน และสอดคล้องไปกับ(ร่าง) พระราชบัญญัติกิจการอวกาศ พ.ศ. .... ซึ่งประเทศไทยกำลังจัดทำอยู่ โดยในการประชุมคณะกรรมการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (บอร์ดดีอี) เมื่อวันที่ 19 ต.ค.2563 พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี เคยมอบข้อเสนอแนะไว้ว่า จะเป็นกฎหมายที่เป็นประโยชน์ของประเทศ และขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องพิจารณารายละเอียดต่างๆอย่างรอบคอบ เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต เพราะดาวเทียมใหม่ๆ ที่จะขึ้นสู่วงโคจรภายหลังมีการประกาศใช้กฎหมายฉบับนี้ ต้องไม่มีปัญหาอย่างที่เคยเกิดขึ้นกับสัญญาสัมปทานดาวเทียมก่อนหน้า" นายชัยวุฒิ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี