นายสุพันธุ์ มงคงสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เปิดเผยว่า ปีนี้ สอท.ตั้งเป้าหมายการขึ้นทะเบียนสินค้าที่ผลิตในประเทศ (Made in Thailand : MiT) ไม่น้อยกว่า 100,000 รายการ โดยเสนอให้ทุกกระทรวงจัดซื้อจัดจ้าง(ทีโออาร์) สินค้าที่ผลิตในประเทศ โดยเฉพาะสินค้าที่เป็นที่ต้องการในการปฏิบัติงานของภาครัฐในสำนักงาน เช่น อุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ โครงสร้างพื้นฐาน และอื่นๆ
โดย สอท.มีแผนหารือกับหน่วยงานภาครัฐต่างๆ เพื่อผลักดันให้ทุกกระทรวงกำหนดเป็นนโยบายในการออกข้อกำหนดขอบเขตการจัดซื้อจัดจ้างให้ชัดเจน และเร่งทำความเข้าใจกับหน่วยงานภายใต้สังกัดถึงแนวทางการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าที่ผลิตในประเทศ
“ในช่วงเดือนมิ.ย. 2564 นี้ จะเข้าไปหารือกับกระทรวงคมนาคม ต่อด้วยกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการคลัง กระทรวงดิจิทัลฯ และหน่วยราชการอื่นๆ ต่อไป เพื่อกำหนดเป้าหมายสินค้าที่ภาครัฐต้องการอย่างชัดเจน และจัดหาเอกชนในสินค้าแต่ละกลุ่มมาตอบสนองต่อความต้องการภาครัฐให้ได้มากที่สุด”นายสุพันธุ์ กล่าว
สำหรับสมาชิกพบว่าขณะนี้ได้ขึ้นทะเบียนสมาชิก MiT ไปแล้วกว่า 3.5 พันรายการสินค้า และคาดว่าจะขึ้นทะเบียนได้กว่า 1 หมื่นสินค้าต่อเดือน และจะถึงเป้าหมาย 1 แสนสินค้า ภายในปีนี้ โดยสินค้ากลุ่มใหญ่จะเป็นวัสดุก่อสร้าง รองลงมาเป็นอุปกรณ์เครื่องใช้สำนักงาน และสินค้าเทคโนโลยีชั้นสูงที่ผลิตโดยคนไทย
ทั้งนี้จะรวบรวมรายการสินค้าที่ภาครัฐต้องการมาประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการได้ทราบ เพื่อให้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น และจะวางแนวทางการส่งเสริมสินค้าที่ผลิตในประเทศในรูปแบบธุรกิจกับธุรกิจ (B2B) และธุรกิจกับผู้บริโภค (B2C) ให้เกิดเป็นรูปธรรมให้ได้ภายในปีนี้ด้วย
นางพิมพ์ใจ ลี้อิสสระนุกูล ประธานสายงานมาตรฐานอุตสาหกรรม (ISC) สอท. กล่าวว่า สอท.กำลังร่วมมือกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) นำเครือข่ายเอสเอ็มอี ภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรมที่มีจำนวนกว่า 1 แสนราย ให้มาขึ้นทะเบียนMiT ซึ่งมั่นใจว่าจะเพิ่มยอดสินค้าได้กว่า 1 หมื่นรายการต่อเดือน และยังได้หารือกับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) นำสมาชิกเข้าร่วมโครงการนี้ด้วย
“ผลการดำเนินการโครงการ MiT ในปีนี้อาจจะเดินหน้าไม่ได้เต็มที่ เพราะกฎหมายจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐฉบับนี้
พึ่งออกมาในช่วงเดือนธ.ค. 2563 และกว่าที่จะออกระเบียบการดำเนินการเข้ามารองรับก็อยู่ในช่วงเดือนก.พ. 2564 แล้วและในช่วงต้น สอท. ก็อยู่ระหว่างการวางระบบต่างๆ ทำให้เสียเวลาปีงบประมาณไปครึ่งปีแล้ว ซึ่งการจัดซื้อจัดจ้างส่วนใหญ่ได้ทำไปตั้งแต่ช่วงต้นปีงบประมาณ ทำให้ผลที่ได้จากโครงการในปีนี้ไม่ได้เต็มที่เท่าที่ควรแต่จะเห็นผลชัดเจนในปีงบประมาณ 2564 ที่คาดว่างบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ1.77 ล้านบาท จะต้องมาซื้อสินค้าไทยไม่ต่ำกว่า 60% จะทำให้มีเม็ดเงินไหลไปสู่ผู้ประกอบการไทยกว่า 1 ล้านล้านบาท และจะเกิดเม็ดเงินหมุนเวียนไปสู่รายย่อยทั่วประเทศอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งยอดขายผ่ายโครงการ MiT จะช่วยกระตุ้นจีดีพี ของไทยได้ส่วนหนึ่ง” นางพิมพ์ใจกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี