“สภานายจ้างฯ” จี้รัฐเร่งระดมฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับภาคแรงงานด่วน หนุน “พ.ร.ก.กู้เงิน 7 แสนล้าน” แต่งงจัดงบหาวัคซีนแค่ 3 หมื่นล้าน
24 พฤษภาคม 2564 นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ภาคธุรกิจมีความกังวลอย่างมากจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 รอบใหม่ที่กลายเป็นคลัสเตอร์ในโรงงานมากขึ้น และยังคงมีสายพันธุ์อินเดียและแอฟริกาเข้ามาอีก หากสถานการณ์ยังคงลุกลามจะกระทบห่วงโซ่การผลิตของไทยและอาจนำมาซึ่งความไม่เชื่อมั่นต่อสินค้าไทยได้ดังนั้นเห็นว่าภาครัฐควรระดมฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับภาคแรงงาน โดยเฉพาะในระบบประกันตน ม.33 ที่มีอยู่ราว 11 ล้านคนเร่งด่วน เพื่อป้องกันไม่ให้โรงงานต้องหยุดการผลิต ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการจ้างงานและเศรษฐกิจโดยรวมให้แย่ไปกว่าเดิม
นายธนิต กล่าวว่า แม้รัฐบาลขณะนี้โดยกระทรวงแรงงานได้วางแผนจะมีการฉีดวัคซีนเบื้องต้นไว้แล้วสำหรับผู้ประกันตน แต่ในแง่ของพื้นที่ในการฉีดวัคซีนทางเอกชนเห็นว่าควรจะเปิดให้โรงพยาบาลเอกชนเข้ามาร่วมมือการฉีดกับโรงงานอุตสาหกรรมโดยตรงได้ เพื่อทำให้การฉีดรวดเร็วยิ่งขึ้น แต่พบว่าขณะนี้ยังไม่มีระเบียบรองรับให้โรงพยาบาลเอกชนเข้ามาดำเนินการส่วนนี้ จึงไม่มั่นใจว่าการกระจายฉีดวัคซีนของภาครัฐจะสามารถดำเนินการได้รวดเร็วมากน้อยเพียงใด ท่ามกลางสถานการณ์ที่เกิดคลัสเตอร์เพิ่มขึ้น และยังมีสายพันธุ์อินเดียที่ทำให้กังวลเพิ่มขึ้นอีก
“ก่อนหน้านี้ทางนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ได้ระบุให้สถานประกอบการยื่นจำนงค์การฉีดวัคซีนที่กรมควบคุมโรค แล้วจะจัดสรรวัคซีนให้ แต่ต้องหาโรงพยาบาลเอกชนมาฉีดเอง ซึ่งภาคธุรกิจเห็นด้วย และส่วนหนึ่งก็ไปยื่น รวมถึงผมด้วย แต่ก็ไม่คืบหน้าเพราะต้องติดต่อโรงพยาบาลเอกชนมาฉีดให้ แต่เขาไม่รับ เพราะต้องมีหนังสือจากรมควบคุมโรคหรือมติครม.รองรับ เพราะหากฉีดไปแล้วเกิดไรขึ้นเขาต้องรับผิดชอบ ซึ่งผมคิดว่ารัฐน่าจะพิจารณาในจุดนี้เพราะเอกชนจ่ายเงินค่าฉีดเองก็ช่วยให้เร็วขึ้นแล้วยังช่วยให้รัฐประหยัดค่าใช้จ่ายได้ ” นายธนิต กล่าว
นายธนิต กล่าวอีกว่า วัคซีนถือเป็นหัวใจสำคัญสุดต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยท่ามกลางสถานการณ์โรคระบาดเพราะเป็นกลไกเดียวที่จะยับยั้งการแพร่ระบาดโควิด-19ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นยิ่งสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับประชาชนมากเท่าใดก็ยิ่งดีเท่านั้น โดยภาคการผลิตและบริการเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการจ้างงานและเศรษฐกิจของประเทศที่เวลานี้น่ากังวลเพราะโควิดลุกลามเข้าสถานประกอบการแล้วและสำนักงานออฟฟิศหลายแห่ง ซึ่งรัฐบาลเองตระหนักถึงปัญหาจึงออก พ.ร.ก.เงินกู้ 7 แสนล้านบาท มาเยียวยาผลกระทบซึ่งเห็นด้วย เพราะคงไม่มีทางเลือกอื่น แต่มีข้อสังเกตที่ภายใต้เงินกู้ดังกล่าวงบที่ใช้ด้านสาธารณสุขและเพื่อจัดหาวัคซีนตั้งงบประมาณไว้แค่ 3 หมื่นล้านบาท ทั้งที่วัคซีนเป็นปัจจัยสำคัญของการฟื้นฟูวิกฤตแต่ทำไมจึงใช้เงินเพียงแค่สัดส่วน 4.4% เท่านั้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี