นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) เปิดเผยว่า ประเทศไทยเป็นเมืองแห่งผลไม้ ซึ่งในแต่ละปีผลผลิตภาคการเกษตรที่ออกสู่ตลาดมีปริมาณเพิ่มขึ้นและผลไม้ไทยเป็นที่นิยมของตลาดต่างประเทศเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะประเทศจีน จากสถิติการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า Form E ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2564 (มกราคม – เมษายน) กรม ออกหนังสือรับรองฯ Form E ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA) จำนวน 80,368 ฉบับ คิดเป็นมูลค่าการส่งออก 232,018 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้เป็นการขอหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า Form E สำหรับการส่งออกสินค้าผลไม้ จำนวน 30,431 ฉบับ คิดเป็นมูลค่าการส่งออกกว่า 46,408 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 (42,887 ล้านบาท)
ผลไม้ที่มีการส่งออกสูงที่สุด 3 อันดับแรกได้แก่ 1) ทุเรียนสด ( 46.02%) 2) ลำไย ( 27.09%)และ 3) มะพร้าว ( 16.38%) ตามลำดับ ทั้งนี้ ผลไม้ที่ส่งออกส่วนใหญ่นั้น มาจากสวนผลไม้หรือโรงคัดบรรจุ (ล้ง) ของไทยที่ได้รับการขึ้นทะเบียนทั้งจากกรมวิชาการเกษตร (กวก.) และสำนักงานศุลกากรของจีน (GACC) ทำให้ลูกค้าต่างประเทศมั่นใจว่า ผลไม้จากไทยมีคุณภาพและได้รับการรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตร การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับพืชอาหาร (GAP) และการขึ้นทะเบียนโรงงานผลิตสินค้าพืช(DOA) จากภาครัฐ
นอกจากนี้ ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2564 (มกราคม – เมษายน) สถิติการค้าผ่านแดนไทย-จีน เติบโตอย่างต่อเนื่อง มีมูลค่ารวม 102,271 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54.25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 (66,303 ล้านบาท) ซึ่งแบ่งเป็นมูลค่าการส่งออก 51,793 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44.53% และมูลค่าการนำเข้า 50,478 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65.68%โดยไทยยังคงได้ดุลทางการค้าต่อเนื่องที่ 1,316 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับการใช้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA) ของผู้ประกอบการในช่วงฤดูกาลผลไม้เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ระลอก 3 ของไทย กรมยังคงให้บริการได้ตามปกติและได้ใช้ระบบออนไลน์มาปรับรูปแบบการปฏิบัติงานให้เจ้าหน้าที่สามารถอนุมัติงานผ่านระบบด้วยการ Work from Home เน้นการให้บริการที่สอดคล้องกับนโยบายเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ของภาครัฐ และยังคงตระหนักถึงความปลอดภัยของผู้รับบริการด้วยการเดินหน้ายกระดับการให้บริการด้วยนวัตกรรมดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง ตามนโยบายของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ที่มุ่งอำนวยความสะดวกทางการค้าให้แก่ผู้ประกอบการในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 โดยการนำระบบการลงลายมือชื่อและตราประทับอิเล็กทรอนิกส์(Electronic Signature and Seal : ESS) มาให้บริการออกหนังสือรับรองฯ เนื่องจากระบบ ESS ช่วยลดขั้นตอน ลดระยะเวลา และลดการสัมผัสเอกสารโดยไม่จำเป็นต้องมีการประทับตราและลงนามด้วยมือ เพราะระบบ ESS จะนำลายมือชื่อและตราประทับอิเล็กทรอนิกส์จากฐานข้อมูลของกรม มาพิมพ์บนหนังสือรับรองฯ โดยอัตโนมัติ ช่วยให้ผู้ประกอบการได้รับความสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น และสามารถลดเวลาในการขอรับบริการเหลือเพียง 10 นาที/ฉบับ นายกีรติกล่าว
ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไปกรมฯ จะให้บริการออกหนังสือรับรองฯ Form Eด้วยระบบการลงลายมือชื่อและตราประทับอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Signature and Seal : ESS)เฉพาะการส่งออกไปปลายทางประเทศจีน ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม จึงขอเชิญชวนให้ผู้ประกอบการยื่นคำขอจดทะเบียนเพื่อส่งตัวอย่างลายมือชื่อของกรรมการหรือผู้รับมอบอำนาจ และตราประทับของนิติบุคคล (ถ้ามี) ผ่านระบบลงทะเบียนผู้ประกอบการ Registration Database ของกรม(http://reg-users.dft.go.th) ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป นอกจากนี้ วันที่ 10 มิถุนายน 2564 กรมฯ ได้จัดฝึกอบรมออนไลน์ด้วยการใช้โปรแกรม Zoom หัวข้อ “กรอกฟอร์ม E ด้วยระบบ ESSอย่างไรให้ถูกต้อง” เพื่อเตรียมความพร้อมให้ผู้ประกอบการ ปรากฏว่าได้รับความสนใจและได้รับความพอใจจากผู้เข้ารับการฝึกอบรมเป็นอย่างมาก เพราะผู้เข้ารับการฝึกอบรมสามารถสอบถามประเด็นข้อสงสัยจากวิทยากรได้โดยตรง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี