เกรท วอลล์ มอเตอร์ ขนทัพสื่อมวลชนร่วมทดสอบ All New HAVAL H6 Hybrid SUV ครั้งแรกในเมืองไทย ภายใต้แนวคิด “DRIVE TO A NEW xEV WORLD” พร้อมสัมผัสเทคโนโลยีล้ำสมัย สมรรถนะที่โดดเด่นของขุมพลังไฮบริดเจนเนอเรชั่นล่าสุด

All New HAVAL H6 Hybrid SUV เป็นรถเอสยูวีขนาดใหญ่ โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่หรูหรา แฝงไว้ด้วยความสปอร์ต ทั้งภายนอกและภายใน ไม่ว่าจะเป็น กระจังหน้าทรงตะแกรง โดดเด่นด้วยโลโก้ HAVAL ตรงกลาง และเพิ่มความดุดัน แข็งแกร่ง ด้วยสีดำ สำหรับรุ่น PRO และสีโครเมียม สำหรับรุ่น ULTRA ล้ออัลลอย 18 นิ้ว ดีไซน์สปอร์ต สำหรับรุ่น PRO และ 19 นิ้ว สำหรับรุ่น ULTRA ไฟด้านหน้าและท้าย มาพร้อมไฟส่องสว่างแบบ LED แถบไฟท้าย พาดยาวจากซ้ายจรดขวา LED taillight strip

การออกแบบภายในภายใต้แนวคิด “Future Intelligent Cockpit” สไตล์สปอร์ต ล้ำสมัยด้วยหน้าจอทัชสกรีนอัจฉริยะ Intelligent Multimedia Touchscreen ขนาด 12 นิ้ว (รุ่น ULTRA) และมาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงการขับขี่ Multi Information Display ขนาด 10 นิ้ว แสดงผลแบบ Head Up Display (HUD) พร้อมข้อมูลการขับขี่ที่ครบครัน พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น หลังคา Panoramic Sunroof ขนาดใหญ่ 1.2 ตารางเมตร เบาะหนังสังเคราะห์ โดยเบาะคู่หน้า ปรับได้ 6 ทิศทาง พร้อมระบบดันหลัง ปรับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมระบายอากาศที่เบาะหน้า แสงไฟสีแดง (Ambient Light) ภายในห้องโดยสาร

นอกจากนี้ ยังมีระบบตรวจวัดคุณภาพอากาศ AQS ด้วยเครื่องกรองอากาศ CN95 มาพร้อมกับเครื่องกำเนิดไอออนลบสามารถลดปริมาณฝุ่น PM2.5 ได้เมื่อเข้าสู่ห้องโดยสาร รวมถึงการติดตั้งวัสดุซับเสียงจากการสั่นสะเทือน และเสียงรบกวนภายนอก โดยใช้วัสดุกั้นเสียงหลากหลายชนิด

โดยกิจกรรมในครั้งนี้ ใช้เส้นทาง กรุงเทพฯ-มุ่งหน้าสู่ สนามบินเล็ก อ่างเก็บน้ำหนองค้อ จ.ชลบุรี ซึ่งต้องฝ่าการจรจรที่คับคั่งในเมือง แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคแต่อย่างใดด้วยความที่เป็นรถเอสยูวี ทำให้ทัศนวิสัยในการขับดีมาก สามารถมองเห็นได้ในระยะไกลพละกำลังเหลือเฟือด้วยขุมพลังเครื่องยนต์1.5 Turbo กำลังจากเครื่องยนต์สูงสุด 110 kW และมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 130 kW โดยมีกำลังรวมทั้งระบบสูงสุด 179 kW (243 PS) แรงบิดจากเครื่องยนต์สูงสุด230 นิวตันเมตร และแรงบิดจากมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 300 นิวตันเมตร โดยให้แรงบิดทั้งระบบรวมสูงสุด 530 นิวตันเมตร ผู้เขียนลองกดคันเร่ง ทางตรงๆ ยาวๆ ไหลลื่น อัตราเร่งดีมากๆ บางช่วงมีโอกาสได้ลองระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะ อาทิ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อใช้ความเร็วต่ำ (TJA) ที่ทำงานตามความเร็วที่ผู้ขับขี่ตั้งเอาไว้ โดยจะตรวจจับรถคันหน้า เพื่อรักษาระยะห่างที่ปลอดภัย พร้อมระบบช่วยหยุดรถยนต์และออกตัว (stop-and-go) เพิ่มความสะดวกสบายในการขับรถสำหรับย่านที่มีการจราจรพลุกพล่าน

ในส่วนของระบบการช่วยเหลือการขับขี่ ก็มีให้ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA) ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW) ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK) รวมถึงระบบระบบเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ต่างๆ โดยเจ้า HAVAL H6 เป็นรถระบบเกียร์ไฮบริดรุ่นแรก ที่มี 2 ระบบเกียร์ (1 ระบบเกียร์ที่ด้านเครื่องยนต์และอีก 1 ระบบเกียร์ที่ด้านมอเตอร์ขับเคลื่อน) เพื่อรองรับการขับเคลื่อนที่หลากหลาย มีโหมดการขับขี่ 4 แบบ ได้แก่ โหมดมาตรฐาน/ โหมดสปอร์ต/ โหมดประหยัด/ โหมดสภาพถนนลื่น

และทันทีที่มาถึงสนามบินเล็ก อ่างเก็บน้ำหนองค้อ จ.ชลบุรี คณะสื่อมวลชนได้ทดสอบเทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะต่างๆ ภายในสนามทดสอบแบบ ด้วยสถานีจำลอง TEST DRIVE TRACK ทั้ง 5 สถานี ได้แก่

1.สถานีทดสอบอัตราการเร่ง และการเข้าโค้งอัจฉริยะ โดยกล้องจะทำการตรวจสอบโค้งถนน เพื่อให้ความเร็วถูกปรับอัตโนมัติให้เหมาะสมสำหรับการเข้าโค้ง เพื่อความปลอดภัย เมื่อผ่านโค้งไปแล้ว รถจะกลับเข้าสู่ความเร็วเดิมที่ตั้งไว้

2.สถานีทดสอบระบบช่วยถอยหลังอัตโนมัติ โดยรถยนต์จะสามารถจดจำเส้นทางที่ขับผ่าน ด้วยความเร็วไม่เกิน 30 กม./ชม. ในระยะทางล่าสุด 50 เมตร และสามารถถอยหลังกลับอัตโนมัติตามเส้นทางได้อย่างราบรื่น

3.สถานีทดสอบระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ ด้วยกล้อง 360 องศาและเซนเซอร์อัล ตร้าโซนิค โดยสามารถช่วยจอดได้ทั้งในรูปแบบการถอยเข้าช่องจอดการจอดขนานเส้นทางเดินรถ และการจอดตามแนวเฉียง

4.สถานีทดสอบระบบช่วยเตือน และเบรกเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง ระบบจะช่วยทำการแจ้งเตือนในขณะที่ถอยรถ โดยจะมีเซ็นเซอร์ตรวจจับรถยนต์ที่เข้าใกล้บริเวณด้านหลังรถ และด้านซ้าย-ขวา และเมื่อตรวจพบความผิดปรกติ ระบบจะทำการส่งสัญญาณเตือนและเบรกให้อัตโนมัติ

5.สถานีทดสอบระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติแบบแปรผัน เป็นการทดสอบการใช้งานกล้องติดรถยนต์ ADAS ที่ประสานกับชิปควบคุมการขับเคลื่อนอัตโนมัติ Q4 ของโมบายอาย (EYEQ4) ช่วยควบคุมในช่วงความเร็วตามที่กำหนดไว้ รวมถึงการหยุด และรีสตาร์ทกลับไปยังความเร็วที่ตั้งไว้ก่อนหน้า

โดยสรุปแล้ว All New HAVAL H6 เป็นรถอเนกประสงค์ พลังไฮบริด ที่น่าสนใจมาก เพียบพร้อมด้วยฟังก์ชั่นอัจฉริยะ จัดให้แบบเต็มพิกัด มากกว่ารถในเซกเมนท์เดียวกันอย่างเห็นได้ชัด รวมทั้งสมรรถนะที่โดดเด่นอย่างเหนือชั้น มาพร้อมการรับประกัน 5 ปีหรือ 150,000 กม. ในส่วนของแบตเตอรี่รับประกันแบบไม่จำกัดระยะทางนานถึง 8 ปีเต็มคงต้องมารอลุ้นการประกาศราคาอย่างเป็นทางการ วันที่ 28 มิ.ย.นี้ ว่าจะโดนใจแค่ไหน

นิติ โมราวรรณ