กลุ่ม ปตท. หนุนโครงการหลวง พัฒนากาแฟ ยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชน อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
อะราบิกา (Arabica) หนึ่งในพันธุ์กาแฟที่เป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของโลก สำหรับประเทศไทยนั้นส่งเสริมการปลูกกาแฟพันธุ์อะราบิกาในพื้นที่ภาคเหนือ เนื่องจากภูมิอากาศเหมาะสม และยังเป็นส่วนหนึ่งของ “โครงการหลวง” เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยส่งเสริมให้ประชาชนในพื้นที่ปลูกพืชอื่นๆ เพื่อสร้างรายได้ทดแทนการปลูกฝิ่น ข้อมูลจากสถาบันวิจัยพืชสวน กรมวิชาการเกษตร ระบุว่า ในฤดูกาลปลูก 2562/2563 ที่ผ่านมา มีเนื้อที่ปลูกกาแฟพันธุ์อะราบิกา 87,159 ไร่ และผลผลิตอะราบิกา 8,553 ตัน
“กลุ่ม ปตท.” ในฐานะที่มีธุรกิจแบรนด์กาแฟ “คาเฟ่ อเมซอน (Café Amazon)” ได้ร่วมสนับสนุนการทำงานของโครงการหลวงมาตั้งแต่ปี 2557 ณ สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ ต.บ้านหลวง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ โดยล่าสุด มีการจัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างมูลนิธิโครงการหลวง กับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) และ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (โออาร์) ในโครงการวิจัยและพัฒนาการปลูกและการผลิตกาแฟระบบอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงเลอตอ อ.แม่ระมาด จ.ตาก เพื่อสานต่อการดำเนินงานพัฒนาการปลูกกาแฟอะราบิกา
โดยนำผลสำเร็จจากความร่วมมือระหว่างมูลนิธิโครงการหลวง กับกลุ่ม ปตท. ที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 2557 ที่สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ ขยายผลไปสู่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงเลอตอ ทั้งในแง่องค์ความรู้ทางวิชาการ การพัฒนาระบบการปลูกกาแฟคุณภาพ มีมาตรฐาน พัฒนาศักยภาพเกษตรกรให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ ควบคู่ไปกับการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับแหล่งต้นน้ำของประเทศ
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. กล่าวถึงการลงนามบันทึกความเข้าใจในครั้งนี้ว่า เป็นการสานต่อความร่วมมือในปี 2564-2568 เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงเลอตอ โดย ปตท. กำหนดแนวทางของโครงการเพื่อพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็ง ด้วยการส่งเสริมเศรษฐกิจ พัฒนาทักษะอาชีพ ควบคู่กับการสร้างความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม ผ่านกระบวนการส่งเสริมให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาพื้นที่ เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกับภาคีเครือข่าย ซึ่ง ปตท. จะทำหน้าที่เป็นตัวกลาง เพื่อสร้างการเชื่อมโยงให้เกิดความร่วมมือในการพัฒนาชุมชนในพื้นที่
นอกจากนั้นในด้านสิ่งแวดล้อม สถาบันปลูกป่าและระบบนิเวศ ปตท. มีแผนในการฟื้นฟูป่า จำนวน 200 ไร่ ควบคู่กับการสร้างรายได้ร่วมกับชุมชน ด้วยการพัฒนารูปแบบเพื่อปรับเปลี่ยนการใช้ประโยชน์ที่ดินจากวิถีการปลูกพืชเชิงเดี่ยว เป็นการปลูกไม้ป่าที่เป็นไม้พื้นถิ่น ควบคู่กับไม้ผลเศรษฐกิจที่เหมาะสมกับพื้นที่ อาทิ อะโวคาโด พลับ มะคาเดเมีย และไม้พื้นล่างเพื่อเพิ่มรายได้ระยะสั้น
“ในระยะแรกจะพัฒนาโมเดลการปลูกป่าดังกล่าว โดยใช้องค์ความรู้จากงานวิจัยของสถาบันฯ เพื่อให้เกิดการสร้างรายได้ ควบคู่กับการฟื้นฟูระบบนิเวศ จำนวน 30 ไร่ ในบริเวณพื้นที่สำนักงานโครงการหลวงเลอตอ สำหรับเป็นพื้นที่สาธิตในการถ่ายทอดความรู้สู่ชุมชนโดยรอบ และสนับสนุนให้เป็นแหล่งเรียนรู้ต้นแบบการฟื้นฟูพื้นที่ป่าอย่างยั่งยืน พร้อมกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชน สร้างความยั่งยืนด้านรายได้ ดูแลสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศอย่างสมดุล”
ขณะที่ น.ส.จิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ โออาร์ เล่าว่า ที่ผ่านมาได้รับซื้อเมล็ดกาแฟดิบจากโครงการหลวง กว่า 2.5 ล้านกิโลกรัม เพื่อนำมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ คาเฟ่ อเมซอน สามารถสนับสนุนเกษตรกรชาวเขากว่า 800 ราย ในพื้นที่โครงการหลวงในจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย และแม่ฮ่องสอน ให้มีรายได้และอาชีพที่มั่นคง และจะมุ่งเสริมสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกรชาวเขาและชุมชนผู้ปลูกกาแฟ สามารถผลิตกาแฟที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐานสากล ตลอดทั้งกระบวนการ ควบคู่ไปกับการบริหารและจัดการของเหลือใช้จากกระบวนการผลิตกาแฟ เพื่อส่งเสริมการผลิตและบริโภคอย่างยั่งยืน
และในปัจจุบันพื้นที่ผลิตกาแฟของเกษตรกรโครงการหลวง 28 แห่ง ในพื้นที่ปลูก 14,900 ไร่ มีจำนวนเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟกว่า 2,300 ราย และมีผลผลิตกว่า 1,000 ตันต่อปี การดำเนินงานแบบครบวงจรทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ภายใต้บันทึกความร่วมมือในระยะที่ 1 และ 2 ได้ก่อเกิดกาแฟคุณภาพพันธุ์ใหม่ที่เหมาะสมต่อการปลูกบนพื้นที่สูง 14 พันธุ์ มีรูปแบบการปลูกและการแปรรูปกาแฟที่ได้มาตรฐาน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
เป็นไปตามนโยบายอาหารปลอดภัยของประเทศ รวมทั้งเกษตรกรได้รับการพัฒนาศักยภาพ เกิดการรวมกลุ่มบริหารจัดการการผลิตกาแฟ ที่นำไปสู่ความเข้มแข็งของชุมชน นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มศักยภาพยกระดับผลิตภัณฑ์กาแฟ และการขยายตัวของตลาดกาแฟที่ก่อให้เกิดประโยชน์โดยตรงแก่เกษตรกร และเกิดผลลัพธ์สำคัญที่ตามมาคือ สามารถลดปัญหาการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ
โดยเฉพาะในพื้นที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงเลอตอที่มีปัญหาความยากจนและการบุกรุกทำลายป่า ความร่วมมืออย่างต่อเนื่องนี้จะเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยผลักดันความสำเร็จในการพัฒนาชุมชนเข้มแข็งตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของโครงการหลวง ส่งเสริมให้คนอยู่ร่วมกับป่าได้อย่างยั่งยืน นำมาซึ่งความมั่นคงทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี