ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์คึกคัก
ต่างชาติขนเงินเข้าไทย534ล้าน
ใช้จ่ายทริปละ7หมื่นบาท
วางแผนกลับมาเที่ยวใหม่
โฆษกศบศ.เผยต่างชาติพอใจ“ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์”เข้าพักเฉลี่ยคนละ 11 คืน ใช้จ่ายวันละ 7 หมื่นบาทนำเงินเข้าไทยรวม 534 ล้านบาท วางแผนเดินทางกลับมาเที่ยวซ้ำ มั่นใจกระตุ้นท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้ประเทศ นายกฯกำชับ คุมเข้มความปลอดภัย เตรียมเปิด3เกาะพื้นที่’พังงา-กระบี่’รับนักท่องเที่ยวเพิ่มอีก เริ่ม1สิงหาคมนี้
เมื่อวันที่ 25กรกฎาคม นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 (ศบศ.) เปิดเผยว่า จากที่รัฐบาลเดินหน้าเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติกระตุ้นเศรษฐกิจและทยอยเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว โครงการ’ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์’ซึ่งตอนนี้เปิดได้เกือบหนึ่งเดือนแล้ว มีจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมที่เดินทางเข้ามาเกือบ 1หมื่นคน นักท่องเที่ยวต่างชาติ 5อันดับแรกที่เข้ามา ได้แก่ สหรัฐอเมริกา, อังกฤษ, อิสราเอล, เยอรมนีและฝรั่งเศส อัตราเฉลี่ยเข้าพักต่อคนอยู่ที่11คืน ประเมินค่าใช้จ่ายต่อทริปอยู่ที่ 70,000 บาท ได้แก่ ค่าที่พัก ค่าตรวจ Swap ค่าอาหารและเครื่องดื่ม ค่าพาหนะเดินทางในจังหวัด ค่าตั๋วเครื่องบิน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ เฉลี่ยการใช้จ่ายอยู่ที่5,500บาทต่อคนต่อวัน ก่อให้เกิดรายได้หมุนเวียนอยู่ที่ 534.3ล้านบาท
“นักท่องเที่ยวมีความประทับใจในอัธยาศัยไมตรีของชาวภูเก็ตและวางแผนเดินทางไปยังจังหวัดอื่น เช่น เชียงใหม่และกรุงเทพฯ นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวที่เดินทางกลับไปแล้ว ยังวางแผนพาครอบครัวกลับมาเที่ยวไทยซ้ำอีกด้วย ซึ่งจากการประเมินความพึงพอใจของนักท่องเที่ยวพบว่า พอใจคุณภาพของรถบริการรับ-ส่ง SHAพลัส ณ ท่าอากาศยานภูเก็ต มากที่สุด รองลงมาคือ พอใจภาพรวมการให้บริการ ณ ท่าอากาศยานภูเก็ตและพอใจการตรวจคัดกรองเมื่อเดินทางมาถึง ซึ่งการเปิดประเทศครั้งนี้ถือเป็นการเตรียมตัวในการรองรับช่วงปลายปีที่จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาอีก ทำให้เห็นว่าการเปิดประเทศครั้งนี้ประสบความสำเร็จไปส่วนหนึ่งแล้ว”นายธนกร กล่าวและว่า
นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำถึงประโยชน์สูงสุดของพื้นที่ที่เปิดไปแล้ว อย่าง ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ และสมุยพลัสโมเดล ให้ได้ใช้ประโยชน์ก่อให้เกิดรายได้อย่างต่อเนื่อง เช่น การจัดประชุม การจัดแสดงสินค้า เป็นต้น แต่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยด้านสาธารณสุขเป็นหลัก ซึ่งตอนนี้ทั้ง จ.ภูเก็ตและสุราษฎร์ธานี ได้เพิ่มมาตรการการคัดกรองนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติอย่างเคร่งครัด นายกฯ ได้สั่งการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำชับเรื่องการนำเทคโนโลยีมาใช้ที่ด่านหรือจุดตรวจอย่างเข้มงวดแล้ว เพื่อที่ประชาชนชนในพื้นที่จะได้มีรายได้อย่างต่อเนื่องจากการเปิดประเทศในครั้งนี้ นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้ปรับปรุงระบบลงทะเบียนCOE ออนไลน์ใหม่ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาให้มีความสะดวกและททท.ในต่างประเทศยังได้ทำการตลาดเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยเจาะไปที่กลุ่มตลาดยุโรป เช่น ดูไบ แฟรงก์เฟิร์ต ลอนดอน กรุงปราก สตอกโฮล์ม และปารีส อีกด้วย โดยคาดว่า ต่อไปนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะช่วงไตรมาสที่ 4 ซึ่งเป็นช่วง High Season ของฤดูกาลการท่องเที่ยว
โฆษก ศบศ.กล่าวอีกว่า สำหรับแผนต่อไปคือ รเดินหน้าเปิด 3เกาะของ จ.กระบี่ ได้แก่ เกาะพีพี เกาะไหงและไร่เล รวมถึง3เกาะของ จ.พังงา ได้แก่ เขาหลัก เกาะยาวน้อยและเกาะยาวใหญ่ โดยมีกำหนดเปิดในวันที่ 1สิงหาคมนี้ โดยเน้นย้ำถึงแผน7+7ของการเดินทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงระหว่างจังหวัดภูเก็ตกับพื้นที่นำร่องที่เปิดไปแล้ว เป็นการผ่อนคลายมาตรการให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาใน “ภูเก็ตแซนด์บอกซ์” อยู่ครบ 7 วัน (เดิม 14 วัน) และตรวจ RT-PCR จำนวน 2 ครั้งแล้ว สามารถเดินทางไปในพื้นที่เกาะสมุย พะงัน และเกาะเต่า (สุราษฎร์ธานี) รวมถึงเกาะพีพี เกาะไหง ไร่เลย์ (กระบี่) และเกาะยาวใหญ่ เกาะยาวน้อย และเขาหลัก (พังงา) ในรูปแบบซีลรูท (sealed routes) หรือ island hopping ได้ตั้งแต่วันที่ 8 เป็นต้นไป โดย ททท.ยังคงเป้ารายได้จากการท่องเที่ยวรวมปีนี้ที่ 8.5แสนล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากตลาดต่างประเทศ 3แสนล้านบาท จำนวนนักท่องเที่ยวราว 3ล้านคนและรายได้จากตลาดในประเทศ 5.5แสนล้านบาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี