นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) กล่าวว่า ได้มีการประชุมหารือกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข โดย สอท.ได้ชี้แจงถึงความเดือดร้อนโดยแรงงานภาคอุตสาหกรรม ม.33 มีอัตราการฉีดวัคซีนค่อนข้างต่ำเพียงแค่ 10% เท่านั้น ซึ่งทางกระทรวงแรงงานเองจะพยายามจัดสรรให้ภายในเดือน ส.ค. 2564 นี้ 8 แสนโดส แต่ยังคงไม่เพียงพอ จึงขอเพิ่มเป็น 1.5 ล้านโดส ขณะเดียวกันก็ได้หารือกับทางราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ขอวัคซีนทางเลือกเพิ่มเติมอีก
“ขณะนี้เศรษฐกิจแย่ ซึ่งอุตสาหกรรมส่งออกที่เป็นรายได้ของประเทศมีผู้ติดเชื้อในทุกกลุ่ม วัคซีนเป็นทางออกของการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19
ได้ดีที่สุด อยากให้รัฐบาลจัดหาวัคซีนทั้งวัคซีนของรัฐ และวัคซีนทางเลือกให้ครอบคลุมจำนวนประชาชน เพื่อทำให้อุตสาหกรรมสามารถดำเนินงานต่อไปได้ และสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้” นายสุพันธุ์ กล่าว
ทั้งนี้ รองนายกฯ ได้อนุมัติใน 3 มาตรการหลัก ได้แก่ 1.การจัดอบรมวิธีการใช้ชุดตรวจโควิดแบบเร่งด่วน ATK อย่างถูกต้อง โดยให้ตรวจอย่างน้อย 20% ของจำนวนพนักงานทั้งหมด 2.การจัดอบรมการควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ในสถานประกอบการด้วยการทำ Bubble and seal โดยไม่ต้องปิดโรงงานสำหรับสถานประกอบการที่มีพนักงานตั้งแต่ 200 คนขึ้นไป ส่วนสถานประกอบการที่มีพนักงานน้อยกว่า 200 คน แนะนำให้ใช้มาตรฐาน Thai Stop COVID ของกระทรวงอุตสาหกรรม และ 3. การจัดตั้งโรงพยาบาลสนามในสถานประกอบการรูปแบบ CommunityIsolation รับรองโดยสาธารณสุขจังหวัดและดูแลโดยโรงพยาบาลในสังกัดประกันสังคม
นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย หรือเอสซีจี เปิดเผยว่า ได้ประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกล่าสุดโดยเฉพาะที่เกิดขึ้นกับหลายประเทศในภูมิภาคอาเซียนได้รับผลกระทบค่อนข้างหนัก ซึ่งยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของเอสซีจีทั้งในและต่างประเทศ โดยเบื้องต้นประเมินมาตรการล็อกดาวน์ 13 จังหวัด เพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างในกรุงเทพฯ-ปริมณฑลประมาณ 20% เนื่องจากรัฐมีคำสั่งปิดแคมป์คนงานก่อสร้างในพื้นที่ดังกล่าวเป็นเวลา 1 เดือน
“สถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกมีความไม่แน่นอนสูงมาก โดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียนที่เผชิญกับเชื้อกลายพันธุ์เดลต้า ทำให้มีการแพร่ระบาดเพิ่มขึ้น หลายประเทศ จึงบังคับใช้มาตรการคุมเข้มอีกครั้ง และประเมินว่า 3-4 เดือนข้างหน้ายังคงเป็นเช่นนี้ต่อเนื่อง ขณะที่ระบบสาธารณสุขไม่สามารถรองรับได้ การอุปโภค-บริโภคได้รับผลกระทบไปถึงไตรมาส 4 ของปีนี้แน่นอน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกันว่าจะขอเปิดไซต์งานก่อสร้างบางแห่งที่มีมาตรฐานในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ให้สามารถกลับมาเปิดดำเนินการก่อสร้างได้ เพราะเชื่อว่าตลาดกลุ่มนี้ยังไปได้” นายรุ่งโรจน์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการครึ่งแรกของปี 2564 เอสซีจีมีกำไรสำหรับงวด 32,050 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 96% มีรายได้จากการขายรวม 255,621 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% โดยครึ่งปีแรกเอสซีจีมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม 86,861 ล้านบาทคิดเป็น 34% โดยมีสัดส่วนของการพัฒนาสินค้าใหม่คิดเป็น 15% และโซลูชั่นบริการ 5% ของรายได้จากการขายรวม เช่น โซลูชั่นพลังงานแสงอาทิตย์ โซลูชั่นบรรจุภัณฑ์อัจฉริยะ ส่วนรายได้จากการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ รวมการส่งออกจากประเทศไทยครึ่งแรกของปี 2564 มีทั้งสิ้น 112,272ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% คิดเป็น 44% ของยอดขายรวม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี