นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่าภาคเอกชนเสนอมาตรการป้องกันควบคุมโควิดในสถานประกอบการ (Bubble and Seal) ภาคอุตสาหกรรมเป็นมาตรฐานเดียว โดยยังรักษากำลังการผลิตไว้ให้ได้มากที่สุดภายใต้แนวคิด “ติดโควิดไม่ต้องปิดโรงงาน” เพื่อให้ผู้ประกอบการดำเนินการต่อได้โดยไม่แพร่กระจายเชื้อสู่ภายนอก เพื่อลดอัตราการเสียชีวิตและอาการรุนแรง ก่อนเศรษฐกิจและประเทศพังพินาศ คาดว่าจะเสนอให้นายกรัฐมนตรี พิจารณาภายใน 1-2 วันนี้
“รัฐบาลได้แต่ออกคำสั่ง แต่ไม่มีงบให้ ขณะที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยกำลังเข้าสู่ขั้นวิกฤต กระทบไปทุกภาคส่วนรวมทั้งภาคอุตสาหกรรมที่มีผู้ติดเชื้อในโรงงานจำนวนมาก โดยเฉพาะรายกลางและรายเล็กลำบากมาก เพราะอย่างน้อยต้องสุ่มตรวจหาคนงานที่ติดเชื้อเดือนละ2 ครั้ง อีกทั้งยังมีคนงานต้องกักตัว ต้องหยุดการผลิต ถ้าคนงานเยอะยิ่งกลายเป็นภาระค่าใช้จ่ายบางรายสู้ไม่ไหวอาจปิดกิจการ เบื้องต้นส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตลดลงแล้ว 5-10%”นายสุพันธุ์กล่าว
สำหรับมาตรการแรก ขอให้รัฐบาลสนับสนุนค่าใช้จ่ายสำหรับจัดซื้อชุดตรวจหาเชื้อโควิดเฉลี่ยคนละไม่เกิน 200 บาท เพื่อสุ่มตรวจหาคนงานที่ติดเชื้อแบบสม่ำเสมอ 10% ของจำนวนพนักงานทุก 14 วัน เพื่อควบคุมการแพร่เชื้อ และให้พนักงานผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำกลับเข้ามาทำงานในพื้นที่แยกกับผู้กักตัวในโรงงานตามปกติ
มาตรการที่สอง เสนอให้กระทรวงสาธารณสุข สนับสนุนงบประมาณในการจัดพื้นที่แยกผู้ป่วยในสถานประกอบการ (Factory Quarantine:FQ) ไปจนถึงการจัดเตรียมโรงพยาบาลสนามภายในสถานประกอบการ (Factory Accommodation Isolation:FAI) ในสถานประกอบการที่มีพนักงาน 300 คนขึ้นไป ให้มีเตียงไม่น้อยกว่า 5% ของจำนวนพนักงาน และให้กระทรวงแรงงานจัดตั้งโรงพยาบาลแม่ข่ายในแต่ละพื้นที่ประกันสังคม เพื่อให้บริการโรงงานในพื้นที่ ณ จุดเดียว ตั้งแต่การตรวจหาเชื้อไปจนถึงส่งต่อผู้ป่วยเข้าไปรักษา
มาตรการที่สาม ขอให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมจัดตั้งศูนย์พักคอยและแยกกักตัว สำหรับสถานประกอบการที่มีพนักงานต่ำกว่า 300 คน ให้เพียงพอ มีเตียงไม่น้อยกว่า 5% ของจำนวนพนักงานในพื้นที่
“ขอให้รัฐสนับสนุนค่าใช้จ่ายเตียงรองรับผู้ป่วยประมาณเตียงละ 10,000 บาท ขณะนี้ผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็กก็ได้รับผลกระทบอย่างหนัก หากรัฐไม่ช่วยก็จะส่งผลกระทบกับภาคการผลิตทันที” นายสุพันธุ์กล่าว
มาตรการที่สี่ จัดสรรวัคซีนเพื่อลดอัตราการเสียชีวิตตามลำดับความสำคัญทางสาธารณสุข การป้องกันโรค และเศรษฐกิจใน 3 กลุ่ม คือกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่อายุ 40-59 ปี กลุ่มพนักงานในสถานประกอบการที่มีติดเชื้อมากกว่า 50% จนต้องปิดกิจการ กลุ่มพนักงานในอุตสาหกรรมสำคัญๆ
“เราพร้อมปฏิบัติตามมาตรการของภาครัฐแต่ภาครัฐก็ต้องชัดเจนในการช่วยเหลือด้วยเพราะที่ผ่านมาไม่มีความชัดเจนในหลายๆ ด้าน อาทิ วัคซีน การกระจายวัคซีน วัคซีนทางเลือก รวมถึงหน่วยงานที่รับผิดชอบบางครั้งยังสับสน ทำให้ประชาชนและผู้ประกอบการเองก็สับสนเช่นกัน” นายสุพันธุ์กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี