‘ดีอีเอส’ยันประกาศหลักเกณฑ์การเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ของผู้ให้บริการ ไม่ขัดรธน.
24 สิงหาคม 2564 นางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ปลัดกระทรวงดีอีเอส) กล่าวว่า การออกประกาศกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เรื่องหลักเกณฑ์การเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ของผู้ให้บริการ พ.ศ.2564 เมื่อวันที่ 13 ส.ค.2654 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 26 ของ พ.ร.บ.การกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และปี 2560 แต่ประกาศฉบับนี้ใช้มาตั้งแต่ปี 2550 จึงต้องปรับปรุงให้มีความเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยีในปัจจุบัน นั้น กระทรวงได้ทำการรับฟังความคิดเห็นผู้เกี่ยวข้อง และ นำเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อรับทราบ รวมไปถึงการสอบถามไปยังสำนักงานกฤษฎีกาแล้ว
อย่างไรก็ตามได้มีการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย กระทรวงจะต้องประเมินผลสัมฤทธิ์ในทุกๆ 5 ปี ซึ่งกฎหมายดังกล่าวจะมีการประเมินผลในปี 2565 กระทรวงดำเนินการออกประกาศทุกขั้นตอนและเป็นไปตามรัฐธรรมนูญตามมาตรา 77 และประกาศฯ ฉบับดังกล่าวไม่ต่างจากประกาศฉบับเดิม
ด้านนายภุชพงค์ โนดไธสง รองปลัดกระทรวงดีอีเอส กล่าวว่า หลักการของประกาศฯฉบับนี้ไม่ผิดไปจากประกาศฉบับเดิม หลักๆของกฎหมาย ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตมีความชัดเจนมากขึ้น สำหรับผู้ให้บริการที่เป็นร้านอาหารหรือธุรกิจจำหน่ายสินค้าหรือบริการใดๆ ที่มีการใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อบริการเสริมการขาย หรือการให้บริการ ให้ดำเนินการตามข้อกำหนดภายใน 1 ปี และผู้ให้บริการดิจิทัล (digital service) ตามประกาศ ให้ดำเนินการภายใน 180 วัน
“หลักเกณฑ์การเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรือที่เรียกว่าการจัดเก็บล็อกไฟล์ (log files) ฉบับใหม่นี้ กำหนดว่าในการเก็บข้อมูลจราจรนั้น ต้องสามารถระบุรายละเอียดผู้ใช้บริการเป็นรายบุคคลได้ ต้องสามารถระบุตัวตนของผู้ใช้บริการเป็นรายบุคคลได้จริง โดยการพิสูจน์และยืนยันตัวตน ครอบคลุมถึงกระบวนการพิสูจน์และยืนยันความถูกต้องของตัวบุคคล เพื่อให้บังคับใช้กฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ” รองปลัดดีอีเอส กล่าว
ด้านนายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รองเลขาธิการ กสทช. ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่าที่ผ่านได้ทำงานร่วมกับกระทรวงดีอีเอสมาอย่างต่อเนื่อง และรู้สึกยินดีที่มีประกาศฉบับนี้ขึ้นมา เนื่องจากจะทำให้การบังคับใช้กฎหมายและการคุ้มครองประชาชนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ขณะที่แหล่งข่าวจากผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่รายหนึ่ง เปิดเผยว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่ากระทรวงออกประกาศขัดต่อมาตรา 77 ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ ตามที่มาตรา 77 ระบุว่า รัฐพึงจัดให้มีกฎหมายเพียงเท่าที่จำเป็น และยกเลิกหรือปรับปรุงกฎหมาย ที่หมดความจำเป็นหรือไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์ หรือที่เป็นอุปสรรคต่อการดำรงชีวิตหรือ การประกอบอาชีพโดยไม่ชักช้าเพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ประชาชน และดำเนินการให้ประชาชนเข้าถึงตัว บทกฎหมายต่าง ๆ ได้โดยสะดวกและสามารถเข้าใจกฎหมายได้ง่ายเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้อง ก่อนการตรากฎหมายทุกฉบับ รัฐพึงจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้อง วิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมายอย่างรอบด้านและเป็นระบบ
นอกจากนี้การเปิดเผยผลการรับ ฟังความคิดเห็นและการวิเคราะห์นั้นต่อประชาชน และนำมาประกอบการพิจารณาในกระบวนการ ตรากฎหมายทุกขั้นตอน เมื่อกฎหมายมีผลใช้บังคับแล้ว รัฐพึงจัดให้มีการประเมินผลสัมฤทธิ์ของ กฎหมายทุกรอบระยะเวลาที่กำหนด โดยรับฟังความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องประกอบด้วย เพื่อพัฒนา กฎหมายทุกฉบับให้สอดคล้องและเหมาะสมกับบริบทต่าง ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป รัฐพึงใช้ระบบอนุญาตและระบบคณะกรรมการในกฎหมายเฉพาะกรณีที่จำเป็น พึงกำหนด หลักเกณฑ์การใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ของรัฐและระยะเวลาในการดำเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ ที่บัญญัติไว้ในกฎหมายให้ชัดเจน และพึงกำหนดโทษอาญาเฉพาะความผิดร้ายแรง
อย่างไรก็ตาม ก่อนการประกาศฯ ฉบับนี้ กระทรวงดีอีเอส จะต้องเปิดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ (ประชาพิจารณ์) ก่อน และต้องมีการเปิดเผยรายงานต่อสาธารณะ แต่กระทรวงไม่ได้มีการเปิดเผยรายงานฉบับนี้ ขณะที่กระทรวงอ้างถึงเป็นการปรับปรุงกฎหมายเดิมที่มาอยู่ จะต้องมีการประเมินผลกระทบทางกฎหมายเดิม และทำรายงานเพื่อเปิดเผยต่อสาธารณะ โดยเป็นการปรับปรุงกฎหมายภายใต้กฎหมายเดิมที่มีอยู่แล้วคือ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และมีการปรับปรุงฉบับที่ 2 เมื่อ 2560 ตามมาตรา 77 รัฐธรรมนูญให้มีการประเมินผลสัมฤทธิ์ ที่ผ่านมาก่อนจะออกประกาศฉบับนี้ กระทรวงฯได้มีการประเมินผลสัมฤทธิ์ของ พ.ร.บ.ที่มีอยู่หรือไม่
นอกจากนี้กฎหมาย ฉบับดังกล่าวยังสร้างภาระเกินจำเป็นหรือเปล่า “นิยาม” คำว่าผู้ให้ บริการ ได้รับผลกระทบต่อประชาชน ร้านอาหาร รีสอร์ทเล็ก โฮมสเตย์ ของชาวบ้านจะโดนหมด เป็นการมองมิติเดียว แต่ไม่มองการก่อให้เกิดภาระกับภาคเอกชนและประชาชน
“เจตนารมณ์ของมาตรา 77 เขาไม่ให้รัฐออกกฎหมายพร่ำเพรื่อ จะออกอะไรมาต้องถามความเห็นรอบด้านก่อน รวมทั้งการปรับปรุงกฎหมายที่มีอยู่ก็ควรจะต้องมีการประเมินผลกระทบที่มีอยู่ก่อนจะแก้อะไรการตรากฎหมายอะไร ไม่ใช่ว่าแค่กระทรวงมีอำนาจ แต่ควรจะต้องมีรายงานความจำเป็นและวิเคราะห์ผลกระทบ การรับฟังความคิดเห็นออกมาด้วย ประกาศกระทรวงฉบับนี้ ขัดต่อเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 77 หรือไม่ พ.ร.บ.คอมพ์ฯ ปี 50 มาตรา 3 นิยาม ผู้ให้บริการ เหมือนในประกาศ พยายามชี้ว่าภายใต้ พ.ร.บ.คอมพ์ฯ ที่ใช้มามากกว่าสิบปีแล้ว เคยประเมินผลกระทบ “ผู้ให้บริการ” หรือไม่ บังคับใช้กฎหมายได้จริงหรือเปล่าเพราะในฉบับเดิมที่ให้เก็บ Log file ปีหนึ่งก็บังคับใช้กฎหมายไม่ได้ กฎหมายออกเสียกว้างเจ้าหน้าที่รัฐผู้ปฏิบัติก็ยังไม่ได้ติดตามหรือบังคับใช้กฎหมายให้เป็นจริง” แหล่งข่าว กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี