นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME ประจำเดือนสิงหาคม 2564ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนกรกฎาคม 2564 ที่ระดับ 30.1 มาอยู่ที่ระดับ 31.9 แต่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ(น้อยกว่าค่าฐานที่ 50) สะท้อนว่าผู้ประกอบการ SME ส่วนใหญ่ยังไม่เชื่อมั่นต่อภาวะธุรกิจและเศรษฐกิจในปัจจุบัน แต่ความเชื่อมั่นปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า การปรับเพิ่มขึ้นของดัชนีฯ เป็นผลจากสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปตั้งแต่ช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2564 และมีสัญญาณการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคระบาดในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) ที่อนุญาตให้ธุรกิจบางแห่งเปิดให้บริการได้ภายใต้เงื่อนไข
ทั้งนี้ จะสอดคล้องกับ Facebook movement range และ Google mobility index ซึ่งสะท้อนการเคลื่อนย้ายของผู้คน ที่เพิ่มขึ้นช่วงปลายเดือนสิงหาคมบ่งชี้กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยองค์ประกอบของดัชนีด้านคำสั่งซื้อ ปริมาณการผลิต/การค้า/บริการ การลงทุน กำไร และการจ้างงานขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 21.5 22.9 34.0 21.3 และ 41.0 ตามลำดับ ส่วนองค์ประกอบด้านต้นทุนลดลงมาอยู่ที่ระดับ 51.0 และดัชนี SMESI ภาคการผลิต ภาคการค้า และภาคบริการ ในเดือนนี้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 31.8 36.0 และ 29.0 ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ค่าดัชนี SMESI ยังค่อนข้างต่ำจาก 50 อยู่มาก สะท้อนว่าผู้ประกอบการ SME ส่วนใหญ่ยังกังวลต่อภาวะธุรกิจและเศรษฐกิจ ซึ่งต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นฯ ของผู้ประกอบการ SME รายภูมิภาค ได้แก่ เขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล อยู่ที่ 30.7 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 26.6 จากการผ่อนปรนมาตรการควบคุมโรคในพื้นที่ ทำให้ธุรกิจหลายประเภทกลับมาเปิดดำเนินกิจการและให้บริการได้มากขึ้น
ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ของภาคกลาง อยู่ที่29.4 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 28.7 ภาพรวมของธุรกิจปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย จากภาคการผลิต และการขนส่งสินค้าขยายตัว
ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ของภาคตะวันออก อยู่ที่ระดับ 30.7 ค่อนข้างทรงจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 30.6 จากผลกระทบกลุ่มคลัสเตอร์โรงงานและสถานประกอบการ และมีปัญหาอุทกภัยน้ำท่วมในพื้นที่ ส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตโดยเฉพาะกลุ่มผลิตเสื้อผ้าและสิ่งทอ
ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ของภาคเหนืออยู่ที่ 28.2 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 27.4หลายธุรกิจมีการขยายตัวของยอดคำสั่งซื้อ เช่น ธุรกิจวัสดุก่อสร้าง และรับเหมาก่อสร้างขนาดเล็ก
ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ของภาคใต้ อยู่ที่ 36.8เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 35.9 จากธุรกิจส่วนใหญ่ยังเปิดดำเนินกิจการได้ และได้รับผลบวกจากโครงการ Phuket Sandbox
ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ที่ระดับ 34.5 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 33.4 เนื่องจากพื้นที่มีข้อจำกัดในการเดินทางค่อนข้างน้อยโดยเปรียบเทียบ ทำให้หลายธุรกิจยังพอดำเนินการได้
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 45.2 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 41.9 เนื่องจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่คาดว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดจะคลี่คลายมากขึ้นดำเนินธุรกิจคล่องตัวมากขึ้น ผู้บริโภคออกมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอุปโภค-บริโภค อีกทั้งมีความคาดหวังว่าธุรกิจการท่องเที่ยวจะปรับตัวดีขึ้นในช่วง high season ของปลายปี กิจกรรมทางสังคมต่างๆ ที่น่าจะดำเนินธุรกิจได้มากขึ้น ภายใต้ข้อกำหนดการควบคุมโรค
“ปัญหาสำคัญที่มีผลกระทบต่อกิจการ SME ในเดือนนี้ 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.ด้านผู้บริโภคและกำลังซื้อ 2.ด้านต้นทุน 3.ด้านการได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงาน 4.ด้านคู่แข่งขันและ 5.ด้านแรงงาน” นายวีระพงศ์กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี