ก้าวเดินครั้งสำคัญ ‘ปตท.’ จาก ‘พลังงาน’ ถึง ‘สุขภาพ’ ขับเคลื่อนไทยให้มั่นคงอย่างยั่งยืน
“Life Science” หรือ “วิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต” เป็นการนำความรู้ด้านวิทยาศาสตร์มาใช้ประโยชน์ด้านสุขภาพ ตอบโจทย์การยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน เช่น การป้องกันและรักษาโรคภัยไข้เจ็บทั้งที่มีอยู่เดิมและที่อุบัติใหม่ เช่น การพัฒนายาและวัคซีนเพื่อรับมือสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในปัจจุบัน หรือการพัฒนาอาหารที่เหมาะสมกับประชากรแต่ละกลุ่ม เช่น ประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงวัยที่มีสัดส่วนประชากรผู้สูงอายุเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งผู้สูงอายุนั้นต้องการสารอาหารบางอย่างที่แตกต่างจากคนวัยอื่นๆ เป็นต้น
“ปตท.” ในฐานะองค์กรที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศไทย วันนี้ได้ขยายบทบาทเข้าสู่การสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพด้วยอีกทางหนึ่ง นับตั้งแต่เมื่อปี 2562 ที่ ปตท. ได้ลงนามร่วมกับสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ และองค์การเภสัชกรรม ในความร่วมมือเพื่อการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ชีววัตถุ และศึกษาความเป็นไปได้ในการต่อยอดไปในเชิงพานิชย์
ต่อมาในเดือนกันยายน 2563 ปตท. และองค์การเภสัชกรรม ร่วมลงนามสัญญาร่วมพัฒนาโครงการโรงงานผลิตยารักษาโรคมะเร็ง จะตั้งอยู่ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมวนารมย์ของ ปตท. หรือ PTT WEcoZi อ.บ้านฉาง จ.ระยอง ซึ่งขั้นตอนต่อไปในการออกแบบโรงงานเบื้องต้น และศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างโรงงานผลิตยารักษาโรคมะเร็ง (Detailed Feasibility Study) คาดว่าใช้เวลาประมาณ 14 เดือนแล้วเสร็จ หลังจากนั้นจะทำการสรุปผลการศึกษาและประเมินแนวทางการขับเคลื่อนโครงการนี้ต่อไป โดยมีแผนที่จะดำเนินการก่อสร้างโรงงานดังกล่าวในปี 2565 เพื่อให้สามารถทำการวิจัยพัฒนาและผลิตยารักษาโรคมะเร็งเพื่อจำหน่ายเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2570
รวมถึงในเดือนเมษายน 2564 ปตท. ได้ลงนามร่วมกับ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ในความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนา “กระบวนการสังเคราะห์สารออกฤทธิ์ทางเภสัชกรรม (Active Pharmaceutical Ingredients; API) และ ศึกษาความเป็นไปได้ในเชิงพาณิชย์ และ/หรือการสร้างความมั่นคงทางยาให้แก่ประเทศไทย” ส่งเสริมยุทธศาสตร์การขับเคลื่อน New S-Curve ด้านอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร (Medical Hub) ตั้งเป้าระยะแรกเน้นการวิจัยและพัฒนา API สำหรับโรคโควิด-19 รวมถึง API ของ ยาฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir) และ ยาเรมเดซิเวียร์ (Remdesivir)
ทั้งนี้ เนื่องจาก API เป็นสารตั้งต้นสำหรับการผลิตยา โดยปัจจุบันประเทศไทยยังต้องมีการนำเข้า API จากต่างประเทศมากกว่า 95% ความร่วมมือในครั้งนี้ ครอบคลุมตั้งแต่การทดสอบในระดับห้องปฏิบัติการ (Laboratory scale) การถ่ายทอดเทคโนโลยีจนถึงระดับอุตสาหกรรม (Industrial scale) ตลอดจนการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาสารออกฤทธิ์ทางเภสัชกรรม (Feasibility Study) ที่มีศักยภาพในเชิงพาณิชย์ ซึ่งจะส่งเสริมให้ประเทศไทยมีสาธารณสุขที่มั่นคงต่อไป
อีกก้าวสำคัญของ ปตท. ในการร่วมขับเคลื่อน Life Science ของประเทศไทย เกิดขึ้นในเดือนธันวาคม 2563 กับการก่อตั้ง บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด เป็นบริษัทที่ถือหุ้น 100% โดย ปตท. โดย อินโนบิกฯ จะขับเคลื่อนใน 3 ธุรกิจ คือ 1.ยา (Pharmaceutical) 2.อาหารเพื่อสุขภาพ (Nutrition) และ 3. วัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์และระบบวินิจฉัยโรค (Medical Technology)
ภายหลังการก่อตั้ง บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด กลุ่ม ปตท. เดินหน้าอย่างต่อเนื่องในการสร้างโอกาสด้าน Life Science เช่น “ร่วมกับ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งบริษัทร่วมทุน บริษัท อินโนโพลีเมด จำกัด” โดยไออาร์พีซี ถือหุ้นสัดส่วนร้อยละ 60 และอินโนบิก (เอเซีย) ถือหุ้นร้อยละ 40 เพื่อผลิต “ผ้าไม่ถักไม่ทอ ด้วยวิธี Meltblown เพื่อเป็นวัตถุหลักสำหรับทำหน้ากากอนามัย หน้ากาก N95 ชุดกาวน์ และแผ่นกรองอากาศ” สำหรับโรงงานผลิตผ้าไม่ถักไม่ทอ (Non-woven Fabric) ที่ขึ้นรูปด้วยวิธี Melt Blown จะตั้งอยู่ที่ เขตประกอบการอุตสาหกรรมไออาร์พีซี จ.ระยอง คาดว่าจะเริ่มผลิตในเชิงพาณิชย์ได้ในช่วยไตรมาส 4 ปี 2564
“การเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนบริษัทยา Lotus Pharmaceutical บริษัทผลิตยาชั้นนำในไต้หวัน” ด้วยเล็งเห็นถึงศักยภาพของบริษัทอินโนบิก (เอเซีย) ในการสนับสนุนการตลาดและโอกาสการมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) โดยการลงทุนใน Lotus Pharmaceutical นั้นเพื่อเป็นช่องทางในการเข้าธุรกิจยาและนำเข้าผลิตภัณฑ์ยาต่างๆ โดยเฉพาะยามะเร็งที่ประเทศไทยยังขาด
จากนั้นจึงต่อยอดเส้นทาง Life Science ด้วยความร่วมมือระหว่างบริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด และ บริษัท โนฟ ฟู้ดส์ จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจพัฒนาและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารโปรตีนจากพืชแบบครบวงจร ตั้งเป้าจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทใหม่แล้วเสร็จในไตรมาส 3 ปี 2564 พร้อมจัดตั้งโรงงานผลิตที่ใช้เทคโนโลยีนำเข้าชั้นสูงในไทย ด้วยกำลังการผลิต 3,000 ตันต่อปี รวมไปถึงการพัฒนาร้านค้าต้นแบบ คาดว่าจะผลิตเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 4 ปี 2565
นอกจากนี้ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด ร่วมกับ ศูนย์สิริกิติ์บรมราชินีนาถเพื่อมะเร็งเต้านม ศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนา Regional Center สำหรับการรักษาโรคมะเร็งด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด มุ่งต่อยอดความรู้ความเชี่ยวชาญของศูนย์ฯ ในการรักษาโรคมะเร็งเต้านมด้วยเซลล์เดนไดรติก (Dendritic Cell Vaccines) ซึ่งเป็นวิธีการรักษาที่อาศัยการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายผู้ป่วยในการกำจัดหรือควบคุมเจาะจงไปที่เซลล์มะเร็งโดยตรง ช่วยทำให้การรักษามีความแม่นยำและจำเพาะรายบุคคล ตามข้อมูลทางพันธุกรรม เป็นการรักษาแบบ Precision/ Personalized Medicine ทำให้การรักษามีผลข้างเคียงน้อย นับเป็นนวัตกรรมทางการแพทย์ โดยคาดว่าจะสามารถตั้ง Regional Center ขึ้นในประเทศ ภายในปี 2566 เพื่อให้บริการห้องปฏิบัติการพิเศษแก่หน่วยงานหรือองค์กรด้านสาธารณสุขในภูมิภาคเอเชีย ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงสำหรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งตามแนวทางดังกล่าว
“ปตท.” ยังคงเดินหน้าต่อไปเพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันของเศรษฐกิจไทยในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับประเทศไทยและคนไทยทุกคน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี