นายสมเกียรติ กิมาวหา รองผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)เปิดเผยว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. พบว่าการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และยอดฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศที่เพิ่มขึ้น ทำให้ประชาชนเริ่มออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านรวมถึงความต้องการของตลาดโลกทำให้ราคาสินค้าเกษตรเดือนต.ค.2564 ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลิน้ำตาลทรายดิบ มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน กุ้งขาวแวนนาไม และโคเนื้อ มีแนวโน้มราคาเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามราคาข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกเหนียวข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยางพาราแผ่นดิบ และสุกรมีแนวโน้มราคาปรับลดลง

“สุกรราคาอยู่ที่ 64.73-66.11 บาท/กก.ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 1.37-3.43 เนื่องจากการเข้าสู่เทศกาลกินเจที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 6-14 ต.ค.2564 ทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งงดบริโภคเนื้อสัตว์ส่งผลให้ความต้องการบริโภคเนื้อสุกรลดลง”นายสมเกียรติ กล่าว

อย่างไรก็ดีสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มราคาปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลิราคาอยู่ที่ 10,035-10,090 บาท/ตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 2.45-3.01 เนื่องจากมาตรการผ่อนคลายล็อกดาวน์ อาทิ มาตรการเปิดห้างสรรพสินค้าและร้านอาหาร ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดส่งผลให้มีความต้องการใช้ข้าวหอมมะลิของร้านอาหารเพิ่มขึ้น

ปาล์มน้ำมันราคาอยู่ที่ 7.46-7.58 บาท/กก.เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 3.81-5.44 เนื่องจากสต๊อกน้ำมันจากพืชทั่วโลกลดลงจากการเกิดคลื่นความร้อนและการระบาดของแมลงศัตรูพืชในประเทศผู้ผลิตสำคัญ

ส่วนยางพาราแผ่นดิบชั้น 3 ราคาอยู่ที่ 48.00-48.50 บาท/กก. ลดลงจากเดือนก่อน ร้อยละ0.06-1.19 เนื่องจากปัจจัยหลักจากความไม่แน่นอนในสถานการณ์เศรษฐกิจภายในประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย ส่งผลต่อความต้องการนำเข้ายางพาราจากไทยลดลง ถึงแม้ว่าราคายางพาราไทยจะได้รับปัจจัยสนับสนุนจากค่าเงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ และปริมาณยางพาราออกสู่ตลาดน้อยประกอบกับทางตอนใต้ของประเทศไทยยังมีฝนตกชุกและขาดแคลนแรงงานกรีดยางก็ตาม