‘Life Science’ ธุรกิจแห่งอนาคต ตอบโจทย์คุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน
“คุณภาพชีวิตที่ดี” คือความปรารถนาของมนุษย์ทุกคน โดยเฉพาะเรื่องของการมีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่ายและมีอายุยืนยาว สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจากองค์ความรู้ที่เรียกว่า “วิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต (Life Science)” เช่น การผลิตยาหรือวัคซีนเพื่อรักษาและป้องกันโรค ไปจนถึงอาหารแห่งอนาคตที่กระบวนการผลิตนั้นลดปริมาณการปล่อยมลพิษอันเป็นปัจจัยบั่นทอนสุขภาพให้น้อยลง
เมื่อเร็วๆ นี้ นายธนภัทร ลิ้มเจริญพร ผู้จัดการ สังกัดฝ่ายพัฒนาธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น กับ นางสาวนางสาวพรรณนภิศ ฤทธิไพโรจน์ นักวิเคราะห์จาก บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด มาบอกเล่าถึงความสำคัญของ Life Science ต่อเป้าหมายการมีคุณภาพชีวิตที่ดี
นายธนภัทร กล่าวว่า อินโนบิก เป็นบริษัทลูกของ ปตท. จัดตั้งขึ้นเพื่อมุ่งดำเนินธุรกิจด้านวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต ซึ่งกลุ่ม ปตท. มองว่าเป็นธุรกิจใหม่อย่างหนึ่ง โดย ปตท. เดิมเป็นบริษัทด้านความมั่นคงทางพลังงาน ซึ่งมีองค์ความรู้ด้านเคมีและเทคโนโลยีชีวภาพ (Chemical & Biotech) ได้หันมาเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจให้กับประเทศไทยมากขึ้น “เป้าหมายของอินโนบิก คือการเป็นผู้นำด้าน Life Science ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)” อีกทั้งยังจะกลายเป็นแพลตฟอร์มสนับสนุนธุรกิจด้านนี้ของคนไทยให้เกิดขึ้นอย่างสำเร็จลุล่วง
โดย ปตท. มีความเชื่อในเรื่องของ “เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)” หมายถึงการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด อาทิ Plant-Based Meat หรือ โปรตีนที่ผลิตจากพืช อันเป็นส่วนหนึ่งของอาหารแห่งอนาคต (Future Food) ซึ่งประเทศไทยมีผลผลิตทางการเกษตรมากมาย และบางชนิดก็ถือเป็นโอกาสเพราะสามารถนำมาแปรรูปเป็นโปรตีนทางเลือกได้ เช่น ถั่ว ข้าว ข้าวโพด นอกจากนี้ยังมองว่า Plant-Based Meat น่าจะตอบโจทย์โลกที่มีประชากรมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย
“ในสมัย 2-3 ปีแรกที่เราเริ่มสนใจเข้าสู่ธุรกิจนี้มันจะยังไม่พร้อม เพราะธุรกิจพลังงานอย่างที่ทราบกันว่าเป็นธุรกิจ Resource Base เราใช้ทรัพยากรเป็นหลักแล้วต่อยอดจากทรัพยากรนี้ขึ้นมา แต่ Life Science จะเป็นธุรกิจที่ใช้ Knowledge Base คือใช้องค์ความรู้ อันนั้นก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เราตั้งอินโนบิก เอเซียขึ้นมา” ธนภัทร กล่าว
ด้าน นางสาวพรรณนภิศ อธิบายเพิ่มเติมว่า Plant-Based Meat หรือโปรตีนทางเลือกอื่นๆ นั้นมีมานานแล้ว แต่ระยะหลังๆ ได้รับความสนใจมากขึ้นจากปัญหาโลกร้อน (Global Warming) เนื่องจากกิจการปศุสัตว์นั้นปล่อยก๊าซมีเทนมากถึงร้อยละ 30 ซึ่งใกล้เคียงกับกรณีรถยนต์ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการเผาไหม้ นำมาสู่แนวคิดยุติกิจการปศุสัตว์ เปลี่ยนผ่านสู่การปลูกพืชที่สามารถแปรรูปเป็นเนื้อสัตว์ได้
ผลดีที่เกิดขึ้นไม่เพียงลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่านั้น แต่ยังลดการใช้ทรัพยากรอื่นๆ เช่น น้ำและที่ดินอีกด้วย นอกจากนี้ เทคโนโลยีอาหาร (Food Tech) และ Plant-Based Meat เช่น Vertical Farming (การเกษตรแนวตั้ง) หรือ Lab Grown Food (อาหารสังเคราะห์) ดำเนินการใน Close Ecosystem (ระบบปิด) ซึ่งใช้พื้นที่น้อย จึงสามารถตั้งสถานที่ผลิตอาหารที่ใดก็ได้บนโลกนี้ และสามารถผลิตได้ในปริมาณที่เพียงพอในราคาที่เข้าถึงได้
“Food Tech ก็เหมือนกับเทคโนโลยีทั่วไป คือมันสามารถ Customize (ปรับแต่ง) ได้ ในวงการเราเรียกสิ่งนี้ว่า Fortify คือการใส่สารอาหารบางตัวลงไปเพื่อทำให้มันเป็น Functional Product (สินค้าเพื่อการอุปโภค-บริโภค) แล้วยิ่งในอนาคตถ้าเราก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เขาก็จะต้องการสารอาหารหลายตัวที่คนวัยทำงานอาจจะยังไม่ต้องการ ซึ่งสิ่งนี้มันสามารถเข้ามาช่วยตอบโจทย์เรื่องของสังคมผู้สูงอายุในแถบเอเชียและแถบตะวันตกได้ด้วย” นางสาวพรรณนภิศ ระบุ
Life Science ไม่เพียงแต่จะทำให้ชีวิตของมนุษย์สุขสบาย แต่จะช่วยให้คุณภาพชีวิตของทุกคนดีขึ้น ซึ่งจะทำให้รากฐานของสังคมดีขึ้นต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี