‘จุรินทร์’ให้คลังถกสำนักงบคำนวณงบส่วนต่างจ่ายประกันราคา ช่วยชาวนาอีก 31 งวด
9 พฤศจิกายน 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการจ่ายเงินส่วนต่างตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ว่า เริ่มจ่ายเงินส่วนต่าง งวดแรกในวันนี้ (9 พ.ย.) และจะจ่ายต่อเนื่องในงวดต่อๆไป ซึ่งรวมทั้งหมดมี 33 งวด โดยงวดที่ 2 จะจ่ายในวันที่ 10 พ.ย.นี้ ส่วนที่เหลืออีก 31 งวดนั้น ที่ประชุมครม.ในวันนี้ได้มีมติเห็นชอบในหลักการภาพรวมที่ต้องการให้ดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวอย่างต่อเนื่อง
ส่วนจะใช้วงเงินรวมเท่าไหร่ในแต่ละงวดนั้นขึ้นอยู่กับรายได้ที่ประกัน อาทิ ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 10,000 บาท ลบด้วยราคาย้อนหลัง 7 วันซึ่งบางงวด เราไม่ได้ทราบล่วงหน้า ทำให้ต้องรอสถานการณ์ตรงนั้นแล้วจึงจะประชุมคณะอนุกรรมการเพื่อกำหนดว่าราคาตลาดเฉลี่ย 7 วันอยู่ที่เท่าไหร่ แล้วนำราคานั้นไปลบ สมมติว่าราคาตลาดเฉลี่ย 7 วันอยู่ที่ 8,000 บาท ก็เอาไปลบกับ 10,000 บาท จะมีตัวเลขออกมาเป็น 2,000 บาท ซึ่งนี่คือวงเงินของแต่ละงวดที่ต้องจ่ายให้เกษตรกร โดยตัวเลขตรงนี้จะขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงในแต่ละงวดต่อไป
ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังพิจารณาว่าต้องจัดเงินในแต่ละงวดเป็นจำนวนเท่าไหร่ โดยปรึกษาสำนักงบประมาณ ขณะที่กระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ทำต้นเรื่องคาดการณ์ในภาพรวม แต่หลักใหญ่ คือต้องเดินหน้าโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีที่ 3 ซึ่งจ่ายเงินส่วนต่างงวดแรกในวันนี้
เมื่อถามว่าตอนนี้ราคาข้าวตกต่ำ และต้องใช้เงินเพื่อนำมาจ่ายให้เกษตรกรเป็นจำนวนที่มากกว่าทุกปี กระทรวงการคลังควรดำเนินการอย่างไร นายจุรินทร์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่กระทรวงคลังจะเป็นผู้ดำเนินการในรายละเอียดว่าจะนำเงินจากส่วนไหน อย่างไร ในการนำมาจ่ายเป็นเงินส่วนต่างให้เกษตรกร แต่โดยในหลักการ ครม.ให้ความเห็นชอบแล้ว เรื่องราคาข้าวจะต้องมาดูที่ราคาค่าความชื้นไม่เกิน 15 เปอร์เซ็นต์ หรือเรียกว่าข้าวแห้ง แต่ราคาที่บางฝ่ายพูดกันขณะนี้คือราคาข้าวเปียก ซึ่งเป็นการเกี่ยวข้าวมาแล้วนำไปขายทันที ซึ่งข้าวนั้นความชื้นจะมากกว่า 15 เปอร์เซ็นต์ จึงเอาราคาตรงนั้นมาเป็นมาตรฐานไม่ได้ แต่ถ้าเป็นข้าวแห้ง ณ ปัจจุบันนี้มีราคาเกวียนละประมาณ 7,500-7,800 บาท
นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า สำหรับมาตรการคู่ขนานนั้น ครม.ให้ความเห็นชอบแล้วเช่นกัน และตนได้กำชับกับผู้จัดการใหญ่ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ให้เร่งดำเนินการส่วนนี้ อาทิ หากโรงสีต้องการเก็บสต๊อกข้าวไว้ ไม่นำออกขาย เพื่อไม่กดราคาข้าวในตลาด ก็จะได้รับเงินช่วยเหลือดอกเบี้ย 3 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งธ.ก.ส.จะเป็นผู้ดำเนินการร่วมกับโรงสีและกระทรวงพาณิชย์ต่อไป หรือหากเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรเกี่ยวข้าวได้แล้วเอาไปตากแห้ง ยังไม่ขาย เพื่อไม่ทำให้ปริมาณข้าวในตลาดมากเกินไป รัฐบาลจะมีเงินช่วยเหลือตันละ 1,500 บาท ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นมาตรการคู่ขนานที่ครม.เห็นชอบแล้ว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี