กกพ.เคาะปรับขึ้นค่าเอฟทีปี 2565 แบบขั้นบันได ทยอยเพิ่มค่าเอฟทีประจำงวด ม.ค.- เม.ย.65 ที่ 16.71 สตางค์ รับภาวะราคาพลังงานขาขึ้น หลังตรึงค่าเอฟทีรับมือโควิด-19 นานกว่า 2 ปี ยันยังมุ่งดูแลเสถียรภาพราคาพลังงาน หนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างเต็มที่
19 พฤศจิกายน 2564 นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่า กกพ.มีมติให้เรียกเก็บค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (ค่าเอฟที) งวดเดือนม.ค.-เม.ย.2565 เพิ่มขึ้น 16.71 สตางค์ต่อหน่วย จากเดิม -15.32 สตางค์ต่อหน่วย ส่งผลให้เรียกเก็บค่าเอฟทีในสุทธิอยู่ที่ 1.39 สตางค์ต่อหน่วย โดยให้อัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ยที่เรียกเก็บกับประชาชนงวดเดือนม.ค.-เม.ย.2565 เพิ่มขึ้น 17 สตางค์ต่อหน่วย มาอยู่ที่ 3.78 บาทต่อหน่วย จากงวดเดิมอยู่ที่ 3.61 บาทต่อหน่วย จนถึงสิ้นปี 2564 ซึ่งเป็นการปรับขึ้นครั้งแรกในรอบ 2 ปี
ทั้งนี้ เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนค่าลง การนำเข้าพลังงานไฟฟ้าจากต่างประเทศในส่วนของพลังน้ำลดลงตามฤดูกาลและการผลิตไฟฟ้าจากถ่านลิกไนต์ลดลงตามแผนการปลดโรงไฟฟ้าแม่เมาะ ส่งผลให้สามารถเดินเครื่องโรงไฟฟ้าที่มีต้นทุนราคาถูกลดลง ประกอบกับราคาก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้าปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมากตามภาวะราคาน้ำมันดิบตลาดโลกเป็นช่วงขาขึ้น และปริมาณนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ที่มากขึ้น เพื่อทดแทนปริมาณก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยที่ลดลงช่วงปลายสัมปทาน
“ก่อนหน้านี้ กกพ. ได้ดำเนินนโยบายบรรเทาผลกระทบค่าครองชีพให้กับประชาชนผู้ใช้พลังงานมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งมาตรการการลดค่าไฟฟ้า และตรึงค่าเอฟทีอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เบาบางลง ทำให้เศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกประเทศเริ่มฟื้นตัว ประกอบกับสถานการณ์วิกฤตพลังงานในต่างประเทศ ซึ่งเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวส่งผลให้เกิดภาวะพลังงานตึงตัว จากปริมาณความต้องการใช้พลังงานทั้งน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้นมากในช่วงนี้ เป็นเหตุให้ค่าเอฟทีในงวดเดือน ม.ค.-เม.ย. 2565 (ที่ใช้ค่าจริงเดือนก.ย.2564 ในการประมาณการ) เพิ่มสูงขึ้นเป็น 48.01 สตางค์” นายคมกฤช กล่าว
สำหรับปัจจัยในการพิจารณาค่าเอฟทีในรอบเดือน ม.ค.-เม.ย.2565 กกพ.ประเมินความต้องการพลังงานไฟฟ้าในช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย. 2565 ประมาณ 65,325 ล้านหน่วย เพิ่มขึ้นจากประมาณการงวดเดือนก.ย.-ธ.ค.2564 ที่คาดว่าจะมีความต้องการพลังงานไฟฟ้าประมาณ 64,510 ล้านหน่วย หรือเพิ่มขึ้น 1.26% อีกทั้งสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้ายังคงใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลัก 60.27% ของเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด เป็นการซื้อไฟฟ้าจากสปป.ลาวและมาเลเซีย รวม 13.92% และค่าเชื้อเพลิงถ่านหินนำเข้าโรงไฟฟ้าเอกชน 7.68% ลิกไนต์ของ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) 7.55% และอื่นๆ อีก 6.92%
นอกจากนี้ ราคาเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ใช้ในการคำนวณค่าเอฟทีเดือน ม.ค.-เม.ย. 2565 ทั้งราคาเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ และราคาถ่านหินนำเข้าปรับตัวสูงขึ้นมากจากประมาณในรอบเดือน ก.ย. – ธ.ค. 2564 ขณะที่เชื้อเพลิงอื่นปรับตัวขึ้นเล็กน้อยและคงที่ ประกอบกับอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยที่ใช้ในการประมาณการ (1-30 ก.ย.2564) อยู่ที่ 33.0 บาทต่อเหรียญสหรัฐ อ่อนค่าจากประมาณการในงวดเดือนก.ย.-ธ.ค.2564 ที่ผ่านมา ที่ประมาณการไว้ที่ 31.3 บาทต่อเหรียญสหรัฐ
นายคมกฤช กล่าวว่า การปรับขึ้นค่าเอฟทีครั้งนี้เป็นการทยอยปรับเพิ่มแบบขั้นบันได เพื่อเฉลี่ยค่าใช้จ่ายตลอดทั้งปี 2565 ที่คาดว่ามีแนวโน้มต้นทุนจะสูงขึ้น จากอัตราแลกเปลี่ยนที่คาดเฉลี่ยจะอยู่ในระดับ 32.1 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ราคาน้ำมันตลาดโลกคาดเฉลี่ยลดลงมาเป็นประมาณ 70 เหรียญสหรัฐต่อบาเรล และให้มีการบริหารจัดการผลิตไฟฟ้าโดยใช้น้ำมันทดแทนก๊าซธรรมชาติเหลวแบบราคาตลาดจร(สปอต แอลเอ็นจี) ซึ่งมีราคาสูง ทำให้ค่าเอฟทีต้องปรับเพิ่มขึ้น 22.50 สตางค์ เป็น 7.18 สตางค์ หากไม่เฉลี่ยทยอยปรับขึ้นจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ไฟฟ้าในระยะสั้นเป็นอย่างมาก แต่กกพ.จะพิจารณาทยอยปรับปรุงค่าเอฟทีตามค่าจริงในรอบต่อๆ ไป
อย่างไรก็ตาม กกพ.ได้นำเงินบริหารจัดการค่าเอฟทีและเงินเรียกคืนฐานะการเงินจากการไฟฟ้าที่มีอยู่ทั้งหมดมาลดผลกระทบของการปรับค่าเอฟทีครั้งนี้กว่า 5,129 ล้านบาท และนำเงินผลประโยชน์ของบัญชีเงินที่จ่ายค่าก๊าซธรรมชาติล่วงหน้าตามปริมาณก๊าซตามสัญญาไปก่อน (Take or Pay) ของแหล่งก๊าซธรรมชาติเมียนมา จำนวน 13,511 ล้านบาท รวมเป็นเงินอุดหนุนการปรับขึ้นค่าเอฟที 18,640 ล้านบาท
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี