นายธรัฐพร เตชะกิจขจร กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท (บสส.) หรือ SAM เปิดเผยว่าบริษัทมีนโยบายหลักในการดำเนินธุรกิจโดยเน้นให้มีการเจรจาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของลูกค้าเป็นอันดับแรกซึ่งคำนึงถึงความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้เป็นสำคัญรวมถึงร่วมปรึกษาหารือให้ได้ข้อยุติภายใต้แนวทางที่เหมาะสม เพื่อให้ลูกหนี้ที่มีศักยภาพสามารถกลับไปดำเนินชีวิตได้ตามปกติ หรือดำเนินกิจการต่อไปได้ ปัจจุบันบริษัทมีลูกหนี้ที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการทั้งสิ้น 20,727 ราย มูลค่าตามบัญชี 354,320 ล้านบาท

ในส่วนของการจำหน่ายทรัพย์สินทรัพย์สินรอการขาย (NPA) มีนโยบายส่งเสริมให้เกิดการนำทรัพย์สินที่ทิ้งร้างมาสร้างมูลค่าเพิ่ม เพื่อส่งคืนทรัพย์สินเหล่านี้กลับสู่ระบบ และนำมาซึ่งความเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม ผ่านการจัดกิจกรรมทางการตลาดที่หลากหลาย ทั้งการประมูลและการเสนอซื้อโดยตรง รวมทั้งโปรโมชั่นส่งเสริมการขายที่น่าสนใจอีกมากมาย ปัจจุบันบริษัทมีทรัพย์สินรอการขายหลากหลายประเภทในทำเลดีทั่วไทยที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการ ประมาณ 4,000 รายการ มูลค่ารวม 20,000 ล้านบาท

“SAM ยังคงมุ่งมั่นและเดินหน้าในการแก้ไขปัญหาหนี้สินของประเทศ นับว่าเป็นความท้าทายที่สุดที่ได้เข้ามาบริหารงานในท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ที่ประเทศกำลังอยู่ในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ คนจำนวนมากขาดรายได้และมีปัญหาการชำระหนี้ SAM ในฐานะบริษัทบริหารสินทรัพย์ภาครัฐจำเป็นต้องให้ความช่วยเหลือลูกหนี้อย่างเร่งด่วน ควบคู่การสนองนโยบายและมาตรการภาครัฐด้วยการดำเนินงานเชิงรุกโดยยึดหลักธรรมาภิบาล โปร่งใส ตรวจสอบได้เป็นสำคัญ”นายธรัฐพรกล่าว

ผลการดำเนินงาน ณ เดือนตุลาคม ปี 2564 สามารถเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ลูกค้า NPL จำนวน 54,899 ราย คิดเป็นมูลค่าตามบัญชี 341,448 ล้านบาท
และจำหน่ายทรัพย์สินรอการขาย NPA ได้ทั้งสิ้น 10,496 รายการ ราคาประเมินทรัพย์ 51,914 ล้านบาทด้านการประมูลซื้อสินทรัพย์เพื่อเพิ่มขนาดพอร์ตซึ่งสามารถซื้อสินทรัพย์ได้ทั้งสิ้น 16,569 ราย มูลค่าตามบัญชี 113,621 ล้านบาท ในส่วนของโครงการคลินิกแก้หนี้ มีจำนวนลูกค้าที่ผ่านคุณสมบัติและสมัครเข้าโครงการได้รวมทั้งสิ้น 68,071 บัญชี คิดเป็นภาระหนี้เงินต้นตามสัญญา 5,163 ล้านบาท