นายรณรงค์ พูนพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือนพ.ย. 2564 เท่ากับ 102.25 เทียบกับเดือนต.ค. 2564 เพิ่มขึ้น0.28% เทียบกับพ.ย. 2563 เพิ่มขึ้น 2.71% สูงสุดในรอบ 7 เดือน นับตั้งแต่เม.ย.2564 ที่เพิ่มขึ้น 3.41% สาเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อในเพิ่มขึ้น มาจากการเพิ่มขึ้นของสินค้าที่สำคัญหลายรายการ โดยน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่ม 37.19% สินค้าเกษตรบางชนิดยังมีราคาสูงขึ้น เช่น ผักสดและเนื้อสุกร เครื่องประกอบอาหาร อาหารบริโภคในบ้าน นอกบ้าน เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย มีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ เปิดประเทศ นักท่องเที่ยวเข้ามา มีการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นสถานการณ์ในช่วงเดือนพ.ย. 2564 ที่ยังไม่มีการแพร่ระบาดของโอไมคอน
ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไป เฉลี่ย 11 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-พ.ย.) อยู่ที่ 1.15% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) เดือนพ.ย. 2564 เพิ่มขึ้น 0.29% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 0.09% จากเดือนต.ค. 2564 ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน เฉลี่ย 11 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 0.23%
ส่วนแนวโน้มเงินเฟ้อในเดือนธ.ค.2564 มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนพ.ย.2564 สาเหตุสำคัญมาจากสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ ราคาน้ำมันที่ทรงตัวในระดับสูง และมีทิศทางเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ซึ่งกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้าและค่าขนส่ง ส่วนราคาสินค้าในกลุ่มอาหารมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่องตามความต้องการ ปริมาณผลผลิต ต้นทุนและวัตถุดิบ ประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐในหลากหลาย
รูปแบบที่ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ส่งผลดีต่อผู้บริโภค ผู้ประกอบการ และระบบเศรษฐกิจในภาพรวม รวมถึงการส่งออกที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และการท่องเที่ยวซึ่งมีทิศทางที่ดีขึ้น ส่งผลต่อราคาสินค้าและบริการ และกระทบต่อเงินเฟ้อของไทยได้อย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้การแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ (Omicron) ที่สร้างความกังวลไปทั่วโลกยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยง ซึ่งจะต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดต่อไป กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ว่าเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2564 จะอยู่ในกรอบ 0.8 - 1.2% (ค่ากลางอยู่ที่ 1.0%) ซึ่งเป็นอัตราที่น่าจะช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้อย่างเหมาะสมและต่อเนื่อง โดยในช่วงที่ผ่านมา อัตราเงินเฟ้อไตรมาส 1/64 อยู่ที่ -0.53% ไตรมาส 2/64 อยู่ที่ 2.36% ไตรมาส 3/64 อยู่ที่ 0.70% และคาดว่าไตรมาส 4 จะอยู่ที่ 2.44%
ส่วนในปี 2565 คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ในกรอบ 0.7 - 2.4%(ค่ากลางอยู่ที่ 1.5%) โดยมีสมมุติฐานหลักที่สำคัญคือ เศรษฐกิจไทยปี 2565 ขยายตัวได้ในช่วง 3.5 - 4.5% ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยที่ระดับ 63-73 ดอลลาร์/บาร์เรล และอัตราแลกเปลี่ยนที่ระดับ 31.50 - 33.50 บาท/ดอลลาร์ คาดว่าจะมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น แต่ต้องดูสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่ว่า จะเป็นไปในทิศทางใด เราจะติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะโควิดจะมีผลต่อเศรษฐกิจในปีหน้า ซึ่งก็จะส่งผลมาถึงเงินเฟ้อในปีหน้าด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี