“สุพัฒนพงษ์” ย้ำรัฐบาลทำเต็มที่แก้ราคาน้ำมัน-ของแพง แจงเกิดจากปัจจัยภายนอก โวนักลงทุนต่างชาติในไทยมองเศรษฐกิจไทยแนวโน้มเป็นบวก
เมื่อเวลา 10.40 น. วันที่ 2 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ให้สัมภาษณ์ถึงปัญหาราคาน้ำมันแพง โดยนายกรัฐมนตรียังมีความกังวลต่อกรณีดังกล่าวหรือไม่ ว่า วันนี้ยังไม่ได้พูดคุยในเรื่องดังกล่าว แต่คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ซึ่งจะมีการประชุม ได้มีการปรับสัดส่วนสูตรผสมไบโอดีเซล จากบี 7 เหลือบี 5 เพื่อตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร โดยวันที่ 4 ก.พ.นี้จะแจ้งคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ให้รับทราบเรื่องนี้ และน่าจะประกาศใช้ในวันที่ 5 ก.พ. ก็จะมีส่วนที่ลดต้นทุนของราคาน้ำมันดีเซลลงไปได้บ้าง ขณะเดียวกันราคาน้ำมันปาล์มไม่น่าจะลดลงไปกว่าเดิมมากอาจจะลงมาเล็กน้อย
เมื่อถามว่าในตลาดโลกยังน่ากังวลหรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ต่อเนื่องหากเราติดตามราคาน้ำมันหรือราคาพลังงานที่เริ่มอ่อนตัว เมื่อเดือนธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา และเพิ่งมาขยับตัวสูงขึ้นในเดือนมกราคม 2565 ก็มีหลายสาเหตุด้วยกัน ซึ่งสาเหตุเดิมก็ยังมีอยู่คือเงินบาทอัตราอ่อนตัวและสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศซึ่งไม่เกี่ยวกับประเทศไทย แต่เกี่ยวกับประเทศในยุโรบ ทั้งรัสเซีย ยูเครน ที่จะมีแรงตึงเครียด และประเทศสหรัฐอเมริกาเองก็พยายามจะแก้ปัญหาตรงนี้ในการพูดคุยกัน ซึ่งทำให้มีผลไปถึงราคาพลังงานด้วย ตรงนี้จึงทำให้ราคาน้ำมันหรือราคาพลังงานที่เดิมมีแนวโน้มอ่อนตัวลงก็ขยับตัวสูงขึ้น
"อีกทั้งสหรัฐอเมริกาที่ผลิตพลังงานเยอะก็เจออาการหนาว ซึ่งมีผลไปหมด แต่เราก็ติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด หากการเมืองระหว่างประเทศได้ข้อสรุปที่เร็วและสภาพอากาศอุ่นขึ้นก็จะทำให้ราคาพลังงานอ่อนตัวลงไป ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในพื้นที่ที่เราต้องดูแลเรื่องการตึงราคาอยู่ก็พยายามเต็มที่ อย่างไรก็ตามการปรับสัดส่วนผสมของน้ำมันชีวภาพลงไปโดยเฉพาะดีเซลก็อาจจะช่วยลดต้นทุน ก็พยายามเต็มที่ เมื่อถามว่าดูแนวโน้มแล้วกองทุนน้ำมันต้องกู้เพิ่มหรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ก็ยังอยู่ในจำนวนเงินที่เราได้กำหนดไว้"นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าในช่วงปลายรัฐบาลเรื่องปัญหาราคาสินค้าสูงขึ้น ราคาน้ำมันสูงขึ้น คิดว่าจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาลหรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากปัจจัยภายใน แต่เป็นปัจจัยภายนอก เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับทุกประเทศ ขอให้เข้าใจว่ารัฐบาลทำให้ดีที่สุดที่จะประคับประคอง เราเชื่อว่าปัญหานี้ไม่ได้เป็นปัญหาถาวร อย่างที่เรียนว่าหากปัญหาการเมืองระหว่างประเทศและอากาศที่หนาวเย็นผิดปกติเฉียบพลันได้คลี่คลายลงไป ทุกอย่างก็น่าจะกลับมาอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ อยู่ในกรอบที่เราดูแลได้
เมื่อถามว่าปัจจัยภายนอกส่งผลยาวนานขนาดไหน นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ก็ต้องรอดู เราไปกำกับดูแลเขาไม่ได้ แต่เชื่อว่าทุกอย่างมันต้องมีข้อสรุป ซึ่งเราก็มีแผนรองรับและติดตามสถานการณ์ทุกวัน
เมื่อถามว่าในระยะสั้นเราจะมีมาตรการหรือแนวทางในการแบ่งเบาภาระช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนจากราคาสินค้าและน้ำมันแพงขึ้นอย่างไร นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า วันนี้ราคายังไม่ได้ขยับ เราก็ยังตึงราคาอยู่ และพยายามจะตึงราคาให้ดีที่สุด ส่วนอื่นๆก็มีแนวโน้มลดลงจากที่มีการตรวจสอบต่างๆ
เมื่อถามว่าดูเหมือนว่าจะมีข่าวเรื่องการยุบสภาฯเข้ามาต่อเนื่องในช่วยปลายรัฐบาล มองว่าเรื่องดังกล่าวจะกระทบเศรษฐกิจหรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า มันกระทบหรือเปล่าต้องรอดูผลแต่อยากจะให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนว่า เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ถ้าไปติดตามผลสำรวจความคิดเห็นของนักลงทุนญี่ปุ่นที่อยู่ในประเทศไทย ซึ่งจัดทำโดยองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น(เจโทร) นักลงทุนญี่ปุ่นในประเทศไทยมองว่าแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีนี้เป็นบวก คือมากขึ้น ดีขึ้นกว่าเดิม ถือว่าสูงสุดในรอบ 7 ปี ตนคิดว่าเรามาในจุดที่เรียกว่าความมั่นใจสูงขึ้น นักลงทุนเขาเข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเกิดจากปัจจัยภายนอก แต่ปัจจัยภายในที่เขาดูและโอกาสในการลงทุนเขาเห็นว่ามันเป็นบวกและสูงที่สุดในระยะเวลา 7-8 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้สิ่งที่เขาพึงพอใจคือเรื่องคุมการระบาดของโควิด-19ก็ทำได้ดี เรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ผ่านมา โครงสร้างพื้นฐานต่างๆซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนที่เป็นประเทศหลักที่อยู่ในไทย มองประเทศไทยในมุมมองของคนต่างประเทศ ได้เห็นว่ามีแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาเขาก็พอใจและเป็นเรื่องที่มาถูกทาง
เมื่อถามว่าถึง เวลานี้จะยังคงเป็นกุนซือของนายกฯต่อไปจนวาระสุดท้ายของรัฐบาลหรือไม่นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ตนก็ทำหน้าที่ของตนเต็มที่ เมื่อถามอีกว่าในเรื่องเศรษฐกิจปากท้องที่ยังไม่ดีขึ้นจะส่งผลต่อรัฐบาลหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลก็ทำดีที่สุดภายใต้กรอบกติกาและสถานการณ์ของเราเอง ก็อยากให้สื่อเข้าใจว่าเหตุการณ์วันนี้เราเพิ่งผ่านวิกฤตครั้งสำคัญ และถามว่าวิกฤตเหล่านี้หมดไปแล้วหรือยัง ถ้ามันหมดไปเกลี้ยงสนิทและเรากลับมาสู่สภาพเดิมไม่ได้นั่นคืออีกเรื่องหนึ่ง แต่วันนี้วิกฤตยังไม่หมดไป ก็ต้องประคับประคองกันไปให้มีโอกาสและแนวโน้มที่ดีขึ้น
"วันนี้มุมมองของนักลงทุนที่อยู่ในไทยมองและเห็นโอกาสเหล่านี้ว่าดีขึ้น คนไทยเราตั้งหากที่อาจจะมองไม่ทันใจ แต่ต้องยอมรับว่าวิกฤตเรายังอยู่และเศรษฐกิจเราอาศัยการท่องเที่ยวและการบริการเป็นหลัก ซึ่งนายกฯเองก็ตัดสินใจเปิดประเทศด้วยความระมัดระวัง พยายามจะเพิ่มรายได้กลับเข้ามาสู่ประเทศให้กลับมาสู่ปกติโดยเร็วที่สุด พร้อมให้มีการลงทุนให้มากที่สุด เพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤตเหล่านี้ไปให้ได้ด้วยความหวังให้คนไทยกลับมามีชีวิตที่ปกติสุขหรือดีกว่าเดิม นี่คือความตั้งใจและทำเต็มที่ ซึ่งมาตรการต่างๆก็พยายามออกมาดูแล
เมื่อถามถึงการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ รองนายกฯกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้สรุป เพราะเหตุการณ์ต้องดูวันต่อวัน ซึ่งปัจจัยภายนอกเป็นปัจจัยที่สำคัญและเกิดขึ้นทั่วโลก"นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว
เมื่อถามย้ำว่าเรื่องเศรษฐกิจและปากท้องของประชาชนเป็นนโยบายที่พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ซึ่งเป็นพรรคเเกนนำของรัฐบาลหาเสียงไว้ คิดว่าอีก 1 ปีจะสามารถทำได้หรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์ ปฏิเสธตอบคำถามโดยระบุว่า อันนี้เรื่องการเมือง ตนขอไปประชุมก่อน
-001
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี