นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เงินติดล้อหรือ TIDLOR เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2564 กลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่ง หลังจากเริ่มเปิดเมืองและผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ สะท้อนจากพอร์ตสินเชื่อจำนำทะเบียนรถที่ขยายตัวสูงถึง 9% จากไตรมาส 3 ขณะที่ค่าเบี้ยประกันวินาศภัยเติบโตสูงถึง 60% จากไตรมาสก่อนหน้าเช่นเดียวกัน
พอร์ตสินเชื่อจำนำทะเบียนรถขยายตัวเพิ่มเป็น 61,500 ล้านบาท มาจากความต้องการสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs และรายย่อยเพื่อเสริมสภาพคล่องและเตรียมความพร้อมขยายธุรกิจเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัว และธุรกิจนายหน้าประกันภัยที่มีรายได้จากค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น 35% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากได้รับการตอบรับที่ดีจากการให้ลูกค้าสามารถผ่อนชำระประกันภัยรถ 0% ด้วยเงินสด เป็นระยะเวลาสูงสุด 10 งวด จากเดิม 6 งวด และให้ความคุ้มครองทันทีเมื่อเริ่มจ่ายประกันงวดแรก
ส่วนต้นทุนทางการเงินลดลงหลังบริษัทฯ ได้รับการเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรและอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน จากบริษัท ทริสเรทติ้ง เป็นระดับ A แนวโน้มคงที่หรือ Stable นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ดำเนินนโยบายพิจารณาสินเชื่ออย่างรัดกุมและมีประสิทธิภาพในการติดตามหนี้ ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายด้านเครดิตลดลง ขณะที่สามารถรักษาอัตรา NPL ให้อยู่ในระดับต่ำและลดลงเหลือ 1.19% จากไตรมาสก่อนหน้าอยู่ที่ 1.41% โดยอัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพยังอยู่ในระดับสูงที่ 357%
ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2564 สามารถทำกำไรสุทธิ 3,169 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% จากปีก่อนหน้า ในส่วนของพอร์ตสินเชื่อจำนำทะเบียนรถขยายตัวต่อเนื่องเติบโตที่ 20% ในปีที่ผ่านมา แตะ 61,500 ล้านบาท และ ค่าเบี้ยประกันวินาศภัยรวม 5,220 ล้านบาท เติบโตกว่า 30% จากปี 2563 และคงอันดับ 2 ของนายหน้าประกันวินาศภัยที่มุ่งเน้นรายย่อย สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของบริษัทฯ จากการมุ่งขับเคลื่อนองค์กรด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์สินเชื่อและประกันภัย โดยบริษัทฯ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากการให้บริการ ‘บัตรติดล้อ เพื่ออำนวยความสะดวกลูกค้าสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ สามารถกดเงินสดตามวงเงินที่ได้รับจากตู้เอทีเอ็มธนาคารพาณิชย์เกือบ 40,000 ตู้ โดย ณ สิ้นไตรมาส 4/2564 ได้ออกบัตรติดล้อไปแล้ว 300,000 ใบ รวมถึงการมีช่องทางให้บริการที่หลากหลายทั้งแพลตฟอร์มดิจิทัลและสาขา ณ สิ้นปี 2564 บริษัทฯ มีสาขาทั้งสิ้น 1,286 แห่ง เพิ่มจากปี 2563 ที่มี 1,076 สาขา
ล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2564 จึงมีมติเสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผลที่อัตรา 0.559 บาทต่อหุ้น โดยจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.274 บาทและจ่ายเงินปันผลเป็นหุ้นสามัญของบริษัทในอัตรา 13 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผล 0.285 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ในกรณีมีที่ผู้ถือหุ้นรายใดมีเศษของหุ้นเดิมหลังการจัดสรรหุ้นปันผลแล้วให้จ่ายเป็นเงินสดแทนการจ่ายเป็นหุ้นปันผลในอัตราหุ้นละ 0.285 บาท กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล ในวันที่ 29 เมษายน 2565 และจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 20 พฤษภาคม 2565 หลังจากได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นเป็นที่เรียบร้อย
สำหรับแนวโน้มตลาดสินเชื่อจำนำทะเบียนรถคาดว่าจะมีอัตราเติบโตที่ดีกว่าปีก่อน ขณะที่ความต้องการซื้อประกันภัยมีแนวโน้มดีขึ้นหลังจากรัฐบาลได้ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และกลับมาเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกครั้ง รวมถึงการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจและการบริโภคภายในประเทศฟื้นตัว ทำให้มีความต้องการสินเชื่อเพื่อขยายธุรกิจและซื้อประกันภัยเพิ่มขึ้นเพื่อลดความเสี่ยง บริษัทฯ จึงวางเป้าหมายขยายสาขาเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 300 แห่งเพื่อให้บริการแก่ลูกค้า รวมถึงพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลเพิ่มขีดความสามารถให้บริการแก่ลูกค้า
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี