เมื่อวันที่ 3 มี.ค. 2565 นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ได้เปิดเผยผลการสำรวจ FTI Poll ครั้งที่ 15 ในเดือนมี.ค. 2565 ภายใต้หัวข้อ “ปรับขึ้นค่าไฟ-ก๊าซ กระทบเศรษฐกิจแค่ไหน”
นายวิรัตน์กล่าวว่า ผลการสำรวจ ผู้บริหาร ส.อ.ท. มองว่า กรณีภาครัฐจะมีการพิจารณาปรับอัตราค่าไฟฟ้า และราคาก๊าซฯ ขึ้นต่อเนื่องนั้น จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย และยังเป็นการซ้ำเติมปัญหาให้แก่ผู้ประกอบการที่ต้องแบกรับภาระต้นทุนการผลิตที่อยู่ในระดับสูงในขณะนี้ จนทำให้ผู้ประกอบการมีความจำเป็นจะต้องปรับราคาสินค้าขึ้นตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อภาระค่าครองชีพของประชาชน
ดังนั้นจึงเสนอขอให้ภาครัฐพิจารณาคงอัตราค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) ในรอบเดือนพ.ค. – ส.ค. 2565 เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบดังกล่าว นอกจากนี้ ผู้บริหาร ส.อ.ท. ยังได้แนะให้ภาคอุตสาหกรรมเร่งปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อประหยัดพลังงาน และหันมาผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนใช้เองภายในโรงงานอุตสาหกรรม
ทั้งนี้จากการสำรวจผู้บริหาร ส.อ.ท. (CEO Survey) จำนวน 150 ท่าน ครอบคลุมผู้บริหารจาก 45 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด พบว่า ปัจจุบันผู้ประกอบการจำนวน 38% มีค่าไฟฟ้าและพลังงานคิดเป็นสัดส่วน 10-20% ของต้นทุนการผลิต ซึ่งหากภาครัฐมีการปรับค่าไฟฟ้าและราคาก๊าซฯขึ้นต่อเนื่อง จะกระทบต่อเศรษฐกิจในระดับมากถึง 56.7% โดยผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าและราคาก๊าซฯส่งผลให้ราคาสินค้าปรับตัวเพิ่มขึ้นจากต้นทุนพลังงานที่อยู่ระดับสูง 87.3% ภาระค่าครองชีพของประชาชน 82.0% เร่งอัตราเงินเฟ้อให้ขยายตัวเพิ่มขึ้น 51.3% กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวหรือหยุดชะงัก 41.3%
นายวิรัตน์กล่าวว่า การสำรวจยังถามถึงมาตรการที่มีประสิทธิภาพบรรเทาผลกระทบของประชาชนและภาคธุรกิจ พบว่า 80.7% ต้องการให้คงอัตราค่าเอฟทีเดือนพ.ค.-ส.ค. 2565 ขณะที่ 59.3% ต้องการมาตรการความร่วมมือลดการใช้ไฟฟ้า โดยคืนผลประหยัดไฟฟ้าที่ลดได้ให้กับผู้ใช้ไฟฟ้า และ 53.3% ต้องการให้ตรึงราคาขายปลีกก๊าซชั่วคราว และ 52.7% ต้องการมาตรการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มในส่วนของผู้มีรายได้น้อย ขณะที่การรับมือผลกระทบของภาคอุตสาหกรรมพบว่า จะปรับปรุงกระบวนการผลิต เพื่อประหยัดพลังงาน 82.0% นอกจากนี้ยังมีคำถามถึงแนวโน้มการใช้ไฟฟ้าและพลังงาน ปี 2565 ของภาคอุตสาหกรรม พบว่า 77.3% เพิ่มขึ้นจากปี 2564
ส่วนราคาก๊าซทั้ง NG / NGV / LPG ที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิต ขนส่ง และภาคครัวเรือน หากปรับขึ้นต่อเนื่องนั้น จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย และยังเป็นการซ้ำเติมปัญหาให้แก่ผู้ประกอบการที่ต้องแบกรับภาระต้นทุนการผลิตที่อยู่ในระดับสูงในขณะนี้ จนทำให้ผู้ประกอบการมีความจำเป็นจะต้องปรับราคาสินค้าขึ้นตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อภาระค่าครองชีพของประชาชน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี