คณะทำงานระดับสูงว่าด้วยการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจของอาเซียน (High Level Task Force on ASEAN Economic Integration : HLTF-EI)เดินหน้าขับเคลื่อนแผนงานด้านเศรษฐกิจ การทำวิสัยทัศน์อาเซียนหลังปี 2568 ทำแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังสถานการณ์โควิด-19 ผลักดันอาเซียนสู่ดิจิทัล พัฒนาเศรษฐกิจหมุนเวียน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก พร้อมประเมินการทำ FTA อาเซียน-บังกลาเทศ การร่วมมือเศรษฐกิจกับสภาเศรษฐกิจโลก โดยจะรายงานความคืบหน้าต่อที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (AEM Retreat) ในที่ 16-17 มีนาคม 2565 นี้
น.ส.โชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมานายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ได้มอบหมายให้เป็นผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมคณะทำงานระดับสูงว่าด้วยการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจของอาเซียน (High Level Task Force on ASEAN Economic Integration : HLTF-EI) ครั้งที่ 41 ผ่านระบบประชุมทางไกล
โดยที่ประชุมได้มีการหารือถึงประเด็นสำคัญๆ อาทิ ความคืบหน้าประเด็นเศรษฐกิจสำคัญที่อาเซียนจะมีการผลักดันในปี 2565 นี้ การทบทวนแผนงานประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน 2568 (AEC Blueprint 2025) การจัดทำวิสัยทัศน์อาเซียนภายหลังปี 2568 และการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูอาเซียนภายหลังสถานการณ์โควิด-19
ทั้งนี้ที่ประชุมยังได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเร่งจัดทำแผนการดำเนินงานในประเด็นใหม่ๆ เพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมในทางปฏิบัติ เช่น การขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ของอาเซียนว่าด้วยการปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ 4 (4IR) เพื่อเตรียมความพร้อมของอาเซียนในการรองรับการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล และประเด็นเศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในสาขาการเกษตร พลังงาน และการขนส่ง
ในขณะเดียวกันยังได้หารือถึงแนวคิดสำหรับยุทธศาสตร์อาเซียน ด้านความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) เพื่อกำหนดแนวทางการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นประเด็นที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ โดยอาเซียนจะหารือในรายละเอียดในเรื่องนี้ต่อไป สำหรับข้อเสนอแนะที่ได้จากการประชุมครั้งนี้ จะนำเสนอต่อที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (AEM Retreat) ครั้งที่ 28 ในวันที่ 16–17 มีนาคม 2565
นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้หารือเกี่ยวกับการประเมินคู่ค้าที่มีศักยภาพของอาเซียนในอนาคต โดยบังกลาเทศแสดงความสนใจที่จะจัดทำการศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ซึ่งจะต้องมีการศึกษาและประเมินรายละเอียดอย่างรอบคอบต่อไป เพื่อให้อาเซียนสามารถวางกลยุทธ์ได้อย่างเหมาะสมและได้รับประโยชน์สูงสุด รวมทั้งที่ประชุมยังได้มีหารือถึงแนวทางการเสริมสร้างความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจกับสภาเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum: WEF) ในอนาคตด้วย เพื่อแสวงหาความร่วมมือเรียนรู้จากประสบการณ์ องค์ความรู้ของ WEF และเสริมสร้างบทบาทของอาเซียนในเวทีระดับโลก
น.ส.โชติมา กล่าวว่า ในปี 2564 ที่ผ่านมาการค้าระหว่างไทยกับอาเซียน มีมูลค่าอยู่ที่ 110,799 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 17.1% จากปี 2563 โดยไทยมีการส่งออกไปยังอาเซียน เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 65,015 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 17.2% จากปี 2563 ทั้งนี้ สินค้าส่งออกสำคัญ เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ยางพาราและผลิตภัณฑ์ยาง คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อาหารเลี้ยงสัตว์และไทยได้มีการนำเข้าจากอาเซียน เป็นมูลค่า 45,784 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 16.9% จากปี 2563 โดยสินค้านำเข้าที่สำคัญ อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ น้ำมันดิบเคมีภัณฑ์ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี