นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า เรื่องคาร์ซีท (เบาะนิรภัยสำหรับเด็ก) เป็นที่ทราบกันว่าจะบังคับใช้วันที่ 5 ก.ย. 2565 อีกประมาณ 4 เดือนโดยประมาณ และกำหนดว่าเด็กอายุไม่เกิน 6 ขวบ จะต้องมีคาร์ซีทสำหรับการนั่งโดยสารในรถยนต์
“สิ่งที่กระทรวงพาณิชย์ เข้ามาช่วยดูแลคือ กรมการค้าภายใน โดยท่านอธิบดีกรมการค้าภายในมีการเรียกประชุมทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องไปแล้ว โดยเชิญห้างสรรพสินค้าและผู้บริหารแพลตฟอร์มต่างๆ ที่จำหน่ายคาร์ซีท ได้มีการสั่งการให้ 1.ห้ามปรับขึ้นราคาโดยเด็ดขาด 2.ถ้ามีการขอปรับราคาเพราะต้นทุนนำเข้าสูงขึ้นหรือเหตุอื่น ต้องขออนุญาตกรมการค้าภายในก่อน และขอความร่วมมือกับห้างสรรพสินค้าที่มีศักยภาพ เช่น แม็คโคร โลตัส บิ๊กซี เป็นต้น ให้ช่วยนำเข้าคาร์ซีทราคาประหยัดมาจำหน่ายในประเทศ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภคปฏิบัติตามกฎหมายต่อไป” นายจุรินทร์ กล่าว
ขั้นตอนต่อไปจะติดตามการจำหน่ายในแพลตฟอร์มต่างๆ โดยกรมการค้าภายในแจ้งแล้วว่าห้ามแก้ไขหรือปรับราคาขึ้น หากมีการฉวยโอกาส ตรวจพบจะดำเนินคดีตามมาตรา 29 ของพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ถือว่าเข้าข่ายค้ากำไรเกินควร โทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากผู้บริโภคพบข้อสงสัยว่าจะเป็นการค้ากำไรเกินควรขอให้ช่วยแจ้งสายด่วนกระทรวงพาณิชย์ 1569เพื่อเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
โดยขณะนี้เท่าที่ติดตามราคาคาร์ซีทในตลาด จากการสำรวจของพาณิชย์จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พบว่าราคามีความแตกต่างกันมากตามคุณภาพรูปแบบต้นทุนนำเข้า ตกเฉลี่ยประมาณ 1,500-30,000 บาท ซึ่งแตกต่างกันมาก จะต้องมีการดำเนินการติดตามโดยใกล้ชิดต่อไป
นายจุรินทร์ ยังกล่าวถึงผลการประชุมคณะอนุกรรมการเพื่อบริหารจัดการปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มด้านการตลาดครั้งที่ 1/2565 ว่า ได้มีการตั้งคณะอนุกรรมการ ประกอบด้วย 3 ฝ่าย 1.หน่วยงานภาครัฐ 2.ตัวแทนเกษตรกร และ 3.ตัวแทนผู้ประกอบการโดยตัวแทนภาครัฐมี 5 หน่วยงาน ประกอบด้วย 1.กรมการค้าภายใน 2.กรมการค้าต่างประเทศ 3.กรมศุลกากร 4.สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร 5.กรมพัฒนาพลังงานและอนุรักษ์พลังงาน ตัวแทนเกษตรกรและผู้ประกอบการ ประกอบด้วย
1.สมาคมโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม 2.สมาคมโรงกลั่นน้ำมันปาล์ม 3.สมาคมผู้ผลิตไบโอดีเซลไทย และ 4.ผู้แทนคลังรับฝากน้ำมันปาล์ม เพื่อให้การบริหารจัดการผลปาล์มดิบของเกษตรกร การผลิตน้ำมันปาล์มดิบของโรงสกัด และโรงงานผลิตน้ำมันปาล์มรีไฟน์ เข้าสู่ภาวะสมดุล ไม่ให้เกิดปัญหาขาดแคลนสำหรับบริโภค และมีเสถียรภาพด้านราคาเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย ทั้งเกษตรกร และผู้ประกอบการโรงสกัด
ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการชุดดังกล่าว มีหน้าที่สำคัญ โดย 1.วิเคราะห์สถานการณ์การผลิต การตลาด ราคาและปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาผลปาล์มและน้ำมันปาล์ม 2.ให้กำหนดปริมาณสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบที่เหมาะสมกับสถานการณ์และให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศ เพื่อป้องกันน้ำมันปาล์มขาดแคลน 3.ให้มีหน้าที่กำหนดมาตรการแนวทางเงื่อนไขหลักเกณฑ์วิธีการและอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการให้เกิดความสมดุลของน้ำมันปาล์มให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปปฏิบัติ และภารกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยจะมีการนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) ต่อไปด้วย
ที่ประชุมยังได้มีมติให้รับทราบข้อสั่งการของกรมการค้าภายในให้พาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ตรวจสต๊อก และรายงานสต๊อกให้คณะอนุกรรมการชุดนี้รับทราบทุก 7 วัน นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เพื่อติดตามสถานการณ์โดยใกล้ชิด ให้มีน้ำมันปาล์มบริโภคเพียงพอ และดูแลราคาให้มีเสถียรภาพเหมาะสมต่อไปเพื่อเป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายทั้งเกษตรกร โรงสกัดผู้ประกอบการ และผู้บริโภค
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี