นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรมเปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนเมษายน 2565 อยู่ที่ 91.79 ขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.56% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ปรับตัวลดลง 16.51% จากเดือนก่อนหน้าโดยในเดือนเมษายนนี้เป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน ส่งผลให้ MPI ช่วง4 เดือนแรกของปี 2565 อยู่ที่ 101.97 ขยายตัว1.37% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนขยายตัว 100.59 ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิต 4 เดือนแรกอยู่ที่ 64.63 หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศคลี่คลายลงจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมต่างๆตามลำดับ ส่งผลให้การบริโภคในประเทศปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น จากการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมที่เติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินค้าอุตสาหกรรมทางการเกษตร
นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ผู้อำนวยกรสศอ. กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศมีแนวโน้มคลี่คลายส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทยอยฟื้นตัว สะท้อนได้จากอุตสาหกรรมน้ำมันปิโตรเลียมที่ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 รวมถึงการอ่อนค่าของเงินบาทส่งผลดีต่อภาคการส่งออกทำให้สินค้าไทยแข่งขันได้ในตลาดโลก
การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม (ไม่รวมทองคำ อาวุธ รถถังและอากาศยาน) เดือนเมษายน ขยายตัว 4.98% ขณะที่สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนได้ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงโดยเฉพาะราคาพลังงานและค่าขนส่ง ขณะที่เงินเฟ้อเริ่มส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรม สะท้อนได้จากดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้าหมวดสินค้าอุตสาหกรรมเดือนเมษายนขยายตัวที่ 11.4% เร่งตัวขึ้นจากเดือนมีนาคมขยายตัวที่ 10.4%
สถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรมของประเทศไทยยังขยายตัวต่อเนื่อง โดย สศอ. ได้ใช้เครื่องมือระบบเตือนภัยด้านเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไทย (The Early Warning System Industry Economics : EWS-IE) ในการคำนวณ สะท้อนให้เห็นว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มจะขยายตัวใน 1-2 เดือนข้างหน้า อุปสงค์ในประเทศและการส่งออกมีแนวโน้มขยายตัว ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้นจากการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ ทำให้มีความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น ปัจจัยต่างประเทศยังคงส่งสัญญาณปกติจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจในหลายประเทศที่ยังเติบโตได้
อุตสาหกรรมหลักที่ดัชนีผลผลิตส่งผลบวกในเดือนเมษายน 2565 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ ยานยนต์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน12.82% ขยายตัวตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศและประเทศคู่ค้า รวมถึงราคาพืชผลเกษตรสำคัญหลายรายการสูงขึ้น รวมทั้งน้ำมันปิโตรเลียม ที่เพิ่มขึ้น 12.53% จากผลิตภัณฑ์นํ้ามันดีเซลหมุนเร็ว น้ำมันเครื่องบิน เป็นหลัก เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศคลี่คลาย เศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้นหลังการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด ทำให้การขนส่งเดินทางในประเทศเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์ยางอื่นๆ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 23.41% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลิตภัณฑ์ยางแท่ง เป็นหลัก เครื่องประดับ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 35.95% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนชิ้นส่วนและแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 6.22% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
“หลายอุตสาหกรรมดีขึ้น เนื่องจากโควิด-19 คลี่คลายลง เศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าฟื้นตัวจึงมีคำสั่งซื้อกลับเข้ามาต่อเนื่อง จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก รวมทั้งหลายประเทศผ่อนคลายมาตรการต่างๆ และทยอยเปิดเมืองทำให้เกิดการท่องเที่ยวและบริโภคสินค้าฟุ่มเฟือยเพิ่มมากขึ้นด้วย” นายทองชัยกล่าว
แต่ยังมีปัจจัยที่อาจจะส่งผลกระทบต่อ MPI อาทิ ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียอาจจะเป็นอุปสรรคที่ฉุดรั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก จากราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ที่จะสูงขึ้น ซึ่งเป็นตัวเร่งให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งจะกระทบการค้าระหว่างประเทศและห่วงโซ่อุปทาน โดยห่วงโซ่การผลิตอาจได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนสินค้าและวัตถุดิบที่รัสเซียและยูเครนเป็นผู้ส่งออกหลัก และนโยบายปิดเมืองของจีนเพื่อควบคุมโควิด-19 อาจส่งผลให้การขนส่งสินค้าล่าช้ารวมถึงเกิดปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี