ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ ประเมินภาพรวมมูลค่าอุตสาหกรรมก่อสร้างในปี 2565 ยังคงมีการขยายตัวที่ 4% แตะระดับ 1.42 ล้านล้านบาทโดยมูลค่าการก่อสร้างภาครัฐ ยังสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องที่ 6% แตะระดับ 853,000 ล้านบาท มีปัจจัยหนุนจากทั้งความคืบหน้าของโครงการเมกะโปรเจกท์ที่มีการก่อสร้างต่อเนื่องจากในอดีตเช่น รถไฟฟ้าสีส้มตะวันออก, สีชมพู, สีเหลือง, รถไฟทางคู่ เฟส 1, มอเตอร์เวย์บางใหญ่-กาญจนบุรี, ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รันเวย์ที่ 3, ทางด่วนพระราม 3-ดาวคะนอง สัญญา 1 และ 3
รวมถึงการเริ่มก่อสร้างโครงการเมกะโปรเจกท์ใหม่ๆโดยเฉพาะ รถไฟฟ้าสีม่วงใต้, สีส้มตะวันตก รถไฟทางคู่สายเหนือ และสายอีสาน รวมถึงมอเตอร์เวย์/ทางด่วนต่างๆ
มูลค่าการก่อสร้างภาคเอกชน มีแนวโน้มขยายตัวเล็กน้อยที่ 1% มาอยู่ที่ 567,000 ล้านบาท มีปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของมูลค่าการก่อสร้างที่อยู่อาศัยแนวราบ ตามการฟื้นตัวของหน่วยที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่ ในส่วนของมูลค่าการก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ในกลุ่มอาคารสำนักงานมีแนวโน้มหดตัวเล็กน้อย ขณะที่พื้นที่ค้าปลีกมีแนวโน้มขยายตัวไปตามการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ ที่ยังมีการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี ในปี 2565 ผู้ประกอบการก่อสร้างเผชิญความท้าทายจากต้นทุนก่อสร้างปรับตัวสูงขึ้น ทั้งต้นทุนแรงงาน และวัสดุก่อสร้าง โดยเฉพาะเหล็ก และปูนซีเมนต์ ผู้ประกอบการก่อสร้างเผชิญภาวะขาดแคลนแรงงาน โดยจำนวนแรงงานต่างชาติในภาคก่อสร้างลดลงตั้งแต่การแพร่ระบาดของ COVID-19 ราคาวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวพุ่งสูงขึ้นไปตามราคาพลังงาน โดยเฉพาะ เหล็ก และปูนซีเมนต์ จากผลกระทบของความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย และยูเครน
สำหรับปริมาณการใช้วัสดุก่อสร้างในปี 2565 มีแนวโน้มเติบโต ท่ามกลางความท้าทายด้านราคาที่ปรับตัวสูงขึ้นไปตามต้นทุนพลังงานที่ปรับตัวพุ่งสูงขึ้น EIC มองว่า ผู้ประกอบการก่อสร้าง และวัสดุก่อสร้างอาจปรับกลยุทธ์รับมือต้นทุนที่สูงขึ้น เช่น ทำสัญญาสั่งซื้อวัสดุก่อสร้างล่วงหน้าอย่างสอดคล้องกับความต้องการใช้ หลีกเลี่ยงการเข้าประมูลแบบแข่งขันด้านราคา เพื่อลดการขาดทุนในภาวะที่ต้นทุนก่อสร้างพุ่งสูงขึ้น รวมถึงนำเทคโนโลยีก่อสร้างมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการก่อสร้าง และลดต้นทุน ทั้งต้นทุนวัสดุก่อสร้าง และแรงงาน
ผู้ประกอบการวัสดุก่อสร้าง บริหารจัดการการผลิตและสต๊อกอย่างสอดคล้องกับปริมาณคำสั่งซื้อ ผลิตสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง และสอดคล้องกับความต้องการ ของตลาด รวมถึงขยายฐานลูกค้าผู้บริโภคกลุ่ม Gen Z ซึ่งเป็นผู้อยู่อาศัยกลุ่มใหม่และมีศักยภาพ จะเข้ามาช่วยขับเคลื่อนการบริโภคภาคเอกชน หมวดการซ่อมแซมและตกแต่งครัวเรือนได้
นอกจากนี้ อุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างจะเผชิญกับความท้าทายในประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น จึงต้องปรับกลยุทธ์เพื่อลดการปล่อย CO2 ประกอบกัน ทั้งผู้ประกอบการเหล็กอาจเร่งนำเทคโนโลยีการหลอมเหล็กด้วยเตาอาร์คไฟฟ้ามาใช้รวมถึงผู้ประกอบการปูนซีเมนต์อาจใช้พลังงานทดแทนอื่นๆ เพื่อลดสัดส่วนการใช้พลังงานจากถ่านหิน และออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างปูนซีเมนต์ไฮดรอลิกโดยพัฒนาตามมาตรการทดแทนปูนเม็ดเพื่อลดการปล่อย CO2
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี