‘สุพัฒนพงษ์’วอนปชช.
ประหยัดพลังงาน10%
ลดใช้ไฟน้ำมันช่วยชาติ2แสนล.
เรือเฟอร์รี่‘ดอนสัก-เกาะสมุย’
อั้นไม่อยู่ปรับราคาค่าโดยสาร
“สุพัฒนพงษ์” ออกวิทยุกรมประชาสัมพันธ์ วอนประหยัดพลังงาน 10% ช่วยชาติ 2 แสนล้านบาท ชี้หากผู้ประกอบการ ประชาชน ภาครัฐ จับมือไทยจะฝ่าวิกฤตไปได้ ในขณะที่ พิษน้ำมันแพง ส่งผลให้เรือเฟอร์รี่ดอนสัก-เกาะสมุย! ขึ้นค่าโดยสารคนละ 170 บาท รถยนต์คันละ 550 บาท
เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.65 นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวผ่านรายการวิทยุกรมประชาสัมพันธ์ วอนขอประชาชน เอกชน ร่วมมือภาครัฐ ฝ่าวิกฤติพลังงานแพง โดยการลดกำไรร่วมประหยัด ขณะนี้ให้ภาครัฐลดใช้พลังงาน 20% หากประชาชนลดใช้ไฟฟ้า-น้ำมัน อย่างละ 10% ก็จะช่วยชาติลดต้นทุน 2 แสนล้านบาท
ส่วนค่าการกลั่น รมว.พลังงาน ชี้แจงว่าปีนี้เฉลี่ย 3.39 บาท/ลิตร จากช่วงปกติเฉลี่ย 2 บาท/ลิตร ไม่ได้สูงมากถึง 8-9 บาท/ลิตร แต่อย่างใด หากไม่มีโรงกลั่นไทยต้องนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปทั้งหมดเสี่ยงมากขึ้นต่อเสถียรภาพทั้งด้านราคาและความมั่นคง
“ในขณะนี้เตรียมมาตรการเพิ่มเติมช่วยผู้มีรายได้น้อย เช่น กลุ่มรถจักรยานยนต์ เพิ่มขึ้น ปตท.ร่วมมือตรึง NGV ต่อ ช่วยค่าก๊าซผู้มีรายได้น้อย ดูแลราคาน้ำมัน ส่วนต้นทุนค่าไฟที่เพิ่มขึ้นขอความร่วมมือการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) บมจ.ปตท. ร่วมดูแลต่อ ส่วนเงินกองทุนน้ำมันที่ดูแลราคาน้ำมัน/แอลพีจี สิ้นเดือน มิ.ย.นี้ คาดทะลุ 1 แสนล้านบาท” นายสุพัฒนพงษ์ ระบุ
รมว.พลังงาน กล่าวว่า ตั้งแต่เกิดโควิด-19 รัฐได้ใช้เงินดูแลราคาพลังงานรวมกว่า 2 แสนล้านบาทแล้ว ทั้งดูแลค่าไฟฟ้า, แอลพีจี, น้ำมัน ใช้เงินหลายรูปแบบทั้งกองทุนน้ำมัน ภาษีต่างๆ ซึ่งการดูแลก็ต้องดูถึงเสถียรภาพการเงินการคลังไปด้วย เพราะหากการเงินมีปัญหาก็อาจประสบปัญหาเช่นเดียวกับเพื่อนบ้าน ไม่มีเงินซื้อน้ำมัน น้ำมันขาดแคลน ทั้งนี้ไทยเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบสุทธิ 92% นำเข้าก๊าซธรรมชาติเพื่อผลิตไฟฟ้า 35% ท่ามกลางราคาที่สูงขึ้นและเงินบาทอ่อนค่าก็ทำให้ต้นทุนสูงขึ้นจึงต้องบริหารจัดการให้ดีที่สุด ทั้งลดค่าครองชีพเศรษฐกิจขยายตัว โดยจะเห็นได้ว่าราคาของไทยก็ต่ำเมื่อเทียบกับภูมิภาคนี้ แต่ราคาสูงเมื่อเทียบกับมาเลเซียและบรูไน เพราะผลิตน้ำมันเอง ได้มีการส่งออก จึงนำรายได้มาอุดหนุนราคาในประเทศ
สืบเนื่องจากสถานการณ์ราคาน้ำมันในปัจจุบัน ที่มีการปรับขึ้นรายวันอย่างต่อเนื่อง จนส่งผลกระทบทำให้ดุลการค้าขาดดุลมากขึ้น เช่นเดียวกันกับเงินเฟ้อของไทยที่ตอบสนองต่อราคาพลังงานมากกว่าประเทศอื่นในภูมิภาคจากการบริโภคพลังงานในสัดส่วนที่สูงกว่า ดังนั้น เมื่อราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น เศรษฐกิจไทยจึงเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบรุนแรง ถึงแม้จะมีมาตรการอุดหนุนราคาน้ำมันจากภาครัฐบางส่วน
จากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ประกอบการเรือโดยสารประเภทต่างๆ โดยเฉพาะเรือเฟอร์รี่ที่ให้บริการจากอำเภอดอนสัก มายังเกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ขอปรับราคาค่าโดยสารตามราคาน้ำมันปัจจุบันจากคณะกรรมการในระดับจังหวัดสุราษฎร์ธานี ประกาศการเปลี่ยนแปลงอัตราค่าโดยสารเรือประจำว่า มติในที่ประชุม ครั้งที่ 1/2565 เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2565 ให้มีการปรับอัตราค่าโดยสารของเรือประจำทางจังหวัดสุราษฎร์ธานี ในเส้นทางดอนสัก – เกาะสมุย เส้นทางเกาะสมุย - เกาะพะงัน และเส้นทางดอนสัก - เกาะพะงัน ของบริษัท ซีทรานเฟอร์รี่ จำกัด และบริษัท ท่าเรือราชาเฟอร์รี่ จำกัด (มหาชน)
โดยกำหนดอัตราค่าโดยสารใหม่โดยใช้ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นตัวกำหนดอัตราค่าโดยสาร จึงขอเพิ่มค่าระวางการเดินเรือจากเดิม 3 ประเภทคือผู้โดยสารจาก 150 บาท เป็น 170 บาท มอเตอร์ไซค์ จาก 200 บาท เป็น 230 บาท และรถยนต์ 4 ล้อจาก 470 บาท เป็น 550 บาท โดยจะมีผลในการเริ่มใช้อัตราค่าโดยสารใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.65 นี้
สำหรับราคาน้ำมันหน้าปั๊มน้ำมันบนเกาะสมุยมีราคาต่างชาติฝั่งแผ่นดินใหญ่ โดยมีส่วนต่างต่อลิตร 2 บาท ประกอบด้วยน้ำมันดีเซล บี 7 ลิตรละ 37.10 บาท เบนซิน 95 ลิตรละ 57.32 บาท แก๊ซโซฮอล์ 91 ลิตรละ 47.24 บาท และแก๊ซโซฮอล์ 95 ลิตรละ 47.51 บาท ทำให้ราคาต้นทุนในการใช้ชีวิตและประกอบธุรกิจของประชาชนและผู้ประกอบการบนเกาะมีต้นทุนที่สูง ส่งผลกระทบอย่างมากทำให้สินค้าอุปโภคและบริโภคปรับราคาสูงขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี