นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)เปิดเผยรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) หรือ SME Sentiment Index: SMESI ประจำเดือนพ.ค.2565
พบว่า ค่าดัชนี SMESI ปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 49.5 จากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 50.5 ปัจจัยสำคัญมาจากกำลังซื้อชะลอตัวลงราคาวัตถุดิบและค่าขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้องค์ประกอบในการดำเนินธุรกิจโดยเฉพาะคำสั่งซื้อ ปริมาณการผลิต/การค้า/การบริการ ต้นทุน และกำไร ปรับตัวลดลง ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 51.6 ลดลงจาก 52.1
“แม้ว่าในเดือน พ.ค. ทั้งค่าดัชนีปัจจุบันและคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าปรับตัวลดลง แต่เนื่องจากค่าดัชนีในปัจจุบันอยู่ในระดับใกล้เคียงค่าฐานและค่าดัชนีคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ในระดับเกินค่าฐาน 50 สะท้อนได้ว่าผู้ประกอบการยังคงมีความเชื่อมันในการดำเนินธุรกิจ
ผลจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่คลี่คลายลง ทำให้ผู้บริโภคลดความกังวล และมีแนวโน้มสัญญาณที่ดีในการออกไปทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจนอกบ้านเพิ่มมากขึ้น”นายวีระพงศ์กล่าว
นอกจากนี้ จากการสำรวจความคิดเห็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอี 2,718 ราย จาก 25 สาขาธุรกิจ ในพื้นที่ 6 ภูมิภาค ระหว่างวันที่ 19-27 พ.ค.2565 เกี่ยวกับปัญหาในการดำเนินงาน และการปรับตัวของผู้ประกอบการในสถานการณ์ปัจจุบัน พบว่า ปัญหาหลักของผู้ประกอบการ คือด้านต้นทุน คิดเป็น 41% รองลงมาคือ ด้านกำลังซื้อผู้บริโภค คิดเป็น 39.2% ด้านคู่แข่งขัน 13.1% ด้านหนี้สินกิจการ 2.4% และด้านแรงงาน ทั้งค่าแรงที่สูงขึ้นและขาดแรงงานที่มีทักษะ 19%
ทั้งนี้แนวทางที่ผู้ประกอบการต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือ เช่น การควบคุมราคาสินค้า/วัตถุดิบ ควบคุมราคาน้ำมันเชื้อเพลิง สนับสนุนองค์ความรู้ด้านการวางแผนจัดการต้นทุนธุรกิจ การขยายเวลามาตรการพักชำระหนี้ เป็นต้น