‘บิ๊กเทเลนอร์’ลั่นไม่ย้ายฐานลงทุนในเอเชีย เผยปิดดีลยักษ์‘ทรูฯ-ดีแทค’สิ้นก.ค.
30 มิถุนายน 2565 นายซิคเว่ เบรคเก้ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เทเลนอร์ กรุ๊ป เปิดเผยว่า กลุ่มเทเลนอร์เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทยตั้งแต่ 20 กว่าปีที่แล้ว โดยเริ่มเข้ามาทำ ให้คนไทยมีโอกาสเข้าถึงอินเทอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้น วิสัยทัศน์ของบริษัทคือคนไทยทุกคนควรเข้าถึงโทรศัพท์มือถือและสามารถซื้อได้ เทเลนอร์รุกที่เปลี่ยนแปลงตลาดต่างๆ เช่น การคิดค่าบริการเป็นวินาที และการตลาดและการจัดจำหน่ายใหม่ๆ เพื่อให้คนทั่วไปสามารถหาซื้อใช้จ่ายได้ ทุกวันนี้ การเข้าถึงของโทรศัพท์มือถือของประเทศไทยอยู่ที่ 86% และมีการเชื่อมต่อมือถือ 98.5 ล้านอุปกรณ์ นี่คือสิ่งที่เรียกว่า การเติบโต 1.0 หรือ Growth 1.0 ในประเทศไทยในอีก 20 ปีข้างหน้า การเติบโตของเทเลนอร์ในประเทศไทยจะแตกต่างกันมาก
อย่างไรก็ตามอุตสาหกรรมโทรคมนาคมกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ (Perfect storm) ด้วยเทคโนโลยีใหม่ – ปัญญาประดิษฐ์, IoT และ 5G มารวมกัน จะไม่ใช่การเชื่อมต่อแค่ผู้คนเข้าด้วยกันอีกต่อไป แต่เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ กับอินเทอร์เน็ต จะมีการใช้ดาต้ามหาศาลและจะต้องใช้ AI เพื่อให้เข้าใจถึงดาต้าจำนวนมหาศาลที่สร้างขึ้น จะต้องใช้ความเร็ว 5G เพื่อเชื่อมต่อสิ่งต่างๆ นับร้อยนับพัน วิธีใหม่ๆ ที่กลุ่มผู้บริโภค กลุ่มธุรกิจ และภาครัฐบาลสามารถใช้เทคโนโลยีใหม่นี้ได้ เช่น การขนส่งท่าเรือขนาดใหญ่ ระบบป้องกันประเทศ และการแพทย์
การแข่งขันสำหรับโทรคมนาคมจะเปลี่ยนไป คู่แข่งจะไม่ใช่แค่บริษัทโทรคมนาคมแบบดั้งเดิม แต่เป็นบริษัทแพลตฟอร์มระดับโลก เช่น AWS, Google Cloud และ Microsoft บริษัทแพลตฟอร์มระดับโลกเหล่านี้จะเป็นทั้งพันธมิตรของบริษัทโทรคมนาคมและจะเป็นคู่แข่งด้วย เทเลอนอร์ได้ลงนามความร่วมมือระดับโลกเป็นพันธมิตรร่วมกับ AWS, Google และ Microsoft
ทั้งนี้เทเลนอร์ มั่นใจจะไม่ย้ายฐานการทำธุรกิจโทรคมนาคมในประเทศไทย และในภูมิภาคเอเชียอย่างแน่นอน แต่จะทำธุรกิจอย่างไรนั้น จำเป็นที่จะต้องเสริมหรือเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับองค์กร ให้กับสังคม และที่กลุ่มเทเลนอร์ลงทุนอยู่ ซึ่งนั้นหมายถึง การเป็นพันธมิตรกับคู่ค่าต่างๆ ซึ่งแผนในการควบรวม มาเลเซีย และประเทศไทย
อย่างไรก็ตามกลุ่มให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ จะเติบโตได้ต้องมีความแข็งแกร่ง ด้านพาร์ทเนอร์ การเติบโตต่อไปได้ ขนาดของการบริการความพร้อมในการลงทุนเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากธุรกิจโทรคมนาคม มีการลงทุนค่อนข้างสูง ทั้งเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ศักยภาพของบุคคลากร การวิจัยพัฒนาค้นคว้าต่างๆ เพื่อให้องค์กรมีความพร้อม
“บ่ายวันนี้ เทเลนอร์จะเข้าไปพบ กสทช. เกี่ยวกับข้อตกลงของดีล ทรู ดีแทค ซึ่งอันนี้ต้องลุ้น แต่เชื่อว่าจะปิดดีลได้ภายในเดือน ก.ค.นี้ แต่อย่างไรก็ตามหากดีลนี้ไม่เกิดขึ้น ก็มองว่า การควบรวมครั้งนี้ทำให้ไม่เกิดการลงทุนซ้ำซ้อน ทำให้การแข่งขันมีเพียง สองรายใหญ่ และยังคงยืนยัน ไม่ถอนการลงทุนในประเทศไทย และยังคงดำเนินธุรกิจต่อไป ส่วนที่มองว่าเงินลงทุนของดีแทคที่น้อยกว่าที่ควรจะเป็น จำนวนเงินลงทุนหลังควบรวม ยอมรับว่าในช่วงที่ผ่านมาไม่สามารถลงทุนได้เยอะ เนื่องจากเหตุผลหลักๆ คือ เรื่องเงิน ความคุ้มค่าในการลงทุน เทเลนอร์ต้องมีการพิจารณาเรื่องผลตอบแทน จึงทำให้เราอ่อนแอกว่าคู่แข่ง ซึ่งถ้าควบรวมได้จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้เรากลับมาได้” ซิคเว่ กล่าว
นายเยอเก้น โรสทริป รองประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ภูมิภาคเอเชีย เทเลนอร์ กรุ๊ป กล่าวว่า เชื่อว่าการควบรวมกิจการระหว่างดีแทคและทรูจะสร้างบริษัทที่แข็งแกร่งซึ่งสามารถลงทุนและมีส่วนสนับสนุนในการพัฒนาดิจิทัลและเทคโนโลยีของประเทศไทยสู่อนาคต นี่เป็นโอกาสของประเทศไทยที่จะขับเคลื่อนไปสู่การเติบโต 2.0 (Growth 2.0) และทำให้ประเทศไทยอยู่ในแนวหน้าของภูมิภาค ประเทศไทยต้องการผู้เล่นในตลาดที่แข็งแกร่ง 2 ราย ไม่ใช่แค่รายเดียวที่แข็งแกร่งแต่อีก 2 ไม่แข็งแกร่ง
อย่างไรก็ตามบริษัทเทเลคอม-เทคโนโลยีในประเทศไทยนี้จะดีสำหรับผู้บริโภค ธุรกิจ สตาร์ทอัพ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของเรา จะนำเทคโนโลยีขั้นสูงและความเชี่ยวชาญของเทเลนอร์ทั้งในกลุ่มภูมิภาคนอร์ดิกและเอเชียสู่บริษัทใหม่นี้ พร้อมกับรักษามาตรฐานการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ สนับสนุนการพัฒนาผู้มีความสามารถด้านดิจิทัล และสร้างสถานที่ทำงานสำหรับอนาคต
ทั้งนี้การลงทุนในการเปลี่ยนแปลงดีแทค ให้เป็น เป็นบริษัท เทเลคอม - เทคโนโลยี ยังไม่สามารถบอกตัวเลขการลงทุนได้ แต่หลักๆ จะเป็นการลงทุนระบบไอที ตลอดจนเพิ่มศักยภาพของพนักงาน 2.0 ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีทั้งหมด ไม่ใช่แค่เพียงเป็นสิ่งที่เราคุยกัน ทุกๆ ที่ในโลก ในยุโรป การเกิดดิจิทัลทรานฟอร์มเมชั่น เป็นสิ่งที่คุยกันทั่วโลก
แหล่งข่าว กสทช. สิ่งที่น่าเป็นห่วงสำหรับดีลครั้งนี้ คือฝ่าย กฎหมายของสำนักงาน กสทช. สรุปว่า กสทช.จะมี มีอำนาจหรือไม่มีอำนาจ ในการบอกว่าควบรวมได้หรือไม่ได้ คุ้มครองผู้บริโภค ยังไม่มีผลชัดเจน แต่จะต้องมีผลสรุปแรกต้นเดือน ก.ค.เพื่อให้บอร์ด ใหญ่ ก่อนที่จะรวมปลายเดือน ก.ค.
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี