นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน เปิดเผยความคืบหน้าในการขอความร่วมมือโรงกลั่นนำกำไรส่วนเกินเข้ามาช่วยอุดหนุนราคาพลังงานว่า น่าจะมีความชัดเจนภายในสัปดาห์นี้ โดยยังไม่มีการเสนอตัวเงินช่วยเหลือเข้ามา ต้องรอผลการเจรจาของคณะทำงานกับโรงกลั่นว่าจะเป็นรูปแบบใด และยังไม่ทราบว่าจำเป็นต้องออกกฎระเบียบรองรับหรือไม่ อาจไม่จำเป็นต้องเป็นการนำเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง แต่เป็นความสมัครใจบริจาคของโรงกลั่น ภายในกรอบเวลาช่วยเหลือ 3 เดือน
“โดยส่วนตัวเชื่อว่าผู้ประกอบการทุกรายมีธรรมาภิบาลที่ดี ไม่เพียงดูแลกำไรสูงสุด แต่เข้าใจถึงปัญหาของประชาชน สังคม และสิ่งแวดล้อมที่ดำเนินการอยู่แล้วด้วย แต่เรื่องนี้โรงกลั่นจะทำในรูปแบบใด อย่าไปกำหนดหรืออย่าบังคับวิธีการทำ รวมถึงไม่ว่าจะเป็นบางรายหรือทั้งหมด ส่วนผู้ประกอบการโรงกลั่นต่างชาติในไทยจะสมัครใจให้ความช่วยเหลือราคาพลังงานในช่วงวิกฤต ประเทศไทยน่าจะเป็นตัวอย่างที่ดี”นายสุพัฒนพงษ์กล่าว
ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายมีข้อกังวลต่อสถานะการเงินของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะติดลบถึง 2 แสนล้านบาทภายในสิ้นปี 2565 นั้น เป็นเรื่องการบริหารสภาพคล่องของกองทุนและรัฐบาล โดยรัฐยังยืนยันอุดหนุนราคาดีเซลในสัดส่วนครึ่งหนึ่งของราคาจริงตามมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) แต่ในระยะต่อไปกองทุนจะทยอยปรับขึ้นราคาหรือไม่/อย่างไร เป็นเรื่องที่กองทุนจะไปพิจารณา
นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ส่วนราคาดีเซล จะมีการปรับเพดานราคาขึ้นเป็น 36 บาท/ลิตรหรือไม่ ต้องรอดูสัปดาห์นี้ว่าผลการเจรจาผู้ประกอบการโรงกลั่นมีการตอบรับออกมาอย่างไรด้วย ถ้าโรงกลั่นไม่ตอบรับ แล้วสภาพคล่องของกองทุนยังมี ก็ไปต่อได้ เชื่อว่าสิ้นเดือนก.ค.นี้มีทางออกแน่นอน
แหล่งข่าวจากผู้ประกอบการธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน กล่าวว่า กรณีที่ภาครัฐขอความร่วมมือให้ 6 โรงกลั่นน้ำมัน ประกอบด้วย บริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP, บริษัทไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC, บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC, บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP, บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO และบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC เร่งสรุปแนวทางนำส่งเงินกำไรส่วนหนึ่งจากค่าการกลั่นเข้าสู่กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในช่วงวิกฤตน้ำมันแพงนั้น ขณะนี้ทั้ง 6 โรงกลั่นยังอยู่ระหว่างการพูดคุยกับหน่วยงานภาครัฐ ถึงแนวทางดำเนินการเพื่อหาทางออกที่ดีร่วมกัน ในเบื้องต้น มองว่า ภาครัฐควรจะต้องออกระเบียบ กติกา หรือข้อกฎหมายขึ้นมารองรับการดำเนินงานให้เกิดความชัดเจน และตอบข้อสงสัยของทุกฝ่ายได้ เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหา หรือปัญหาฟ้องร้องตามหลัง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี