นายสันติ ปิยะทัต กรรมการผู้จัดการ บริษัท เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ “KC” ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แนวราบ เปิดเผยว่า หลังจากที่
บริษัทกลับเข้ามาซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์อีกครั้ง ตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคมนี้ ในหมวดกลุ่มอสังหาฯและก่อสร้าง และได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดีจากนี้ไป บริษัทได้วางกลยุทธ์ เพื่อแก้ไขและปรับปรุงจุดที่ยังไม่สมบูรณ์ให้ดียิ่งขึ้น โดยแบ่งกลยุทธ์ออกเป็น 5 ส่วน ได้แก่ 1.กลยุทธ์ด้าน Product ในปีนี้เรามีการเพิ่ม Product line ใหม่ ในส่วนที่เป็นเชิงพาณิชย์ ได้แก่ อาคารพาณิชย์ โครงการ เค.ซี.สุวินทวงศ์ 2 เพื่อเติมเต็มหมวดหมู่ของสินค้าเราให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น 2.กลยุทธ์ด้าน Process จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ใน 2 ปีที่ผ่านมา เราได้เห็นถึงปัญหาของความล่าช้าที่เกิดขึ้นในกระบวนการทำงานจากผลกระทบดังกล่าว และได้นำมาปรับปรุงเป็นกระบวนการ FAST process เพื่อทำให้การทำงานของเรารวดเร็ว และถูกต้องมากยิ่งขึ้น
กลยุทธ์ที่ 3.ด้านต้นทุน โดยในปีนี้รวมถึงในอนาคตคาดว่าต้นทุนค่าก่อสร้างที่เป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจอสังหาฯ เราจึงเน้นในเรื่องของการควบคุมต้นทุนเชิงรุก ได้แก่ การทำ VAVE การปรับปรุง Design เพื่อให้งานก่อสร้างรวดเร็วขึ้น และต้นทุนลดลง รวมถึงการพยายามใช้วัสดุร่วมกัน เพื่อให้เกิด Economy of scale ให้ได้มากที่สุด 4.กลยุทธ์ด้านการตลาดซึ่งในปัจจุบันผู้คนส่วนใหญ่ใช้โทรศัพท์มือถือในการค้นหาข้อมูลเป็นหลัก ดังนั้นในปีนี้ และในอนาคต เรามีการเพิ่มสัดส่วนการทำการตลาด Online มากขึ้น เพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น 5.กลยุทธ์ด้านธุรกิจใหม่ ซึ่งบริษัทเห็นถึงปัญหาของลูกค้าในมุมของความต้องการด้านงานบริการ จึงเป็นที่มาของการพัฒนาธุรกิจที่จะให้บริการด้านงานซ่อมแซม ตกแต่ง ต่อเติม ฯลฯ
นายสันติกล่าวต่อไปว่า สำหรับเป้าหมายทางธุรกิจในปี 2565 บริษัทได้ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 300 ล้านบาทเติบโตขึ้นจากปีที่ผ่านมาถึง 2-3 เท่า โดยขณะนี้ เค.ซี.มียอดขายรอรับรู้รายได้ใน 5 โครงการเดิม มูลค่า 106 ล้านบาท ขณะที่ยอดขายคาดว่าจะเติบโตขึ้น 2-3 เท่าแต่เราจำเป็นต้องบริหารความสามารถในการโอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้า เนื่องจากสถาบันการเงินยังคงมีความเข้มงวดในการพิจารณาสินเชื่อ เนื่องจากลูกค้าที่ซื้อโครงการของ เค.ซี.เป็นอาชีพอิสระ ทำให้ธนาคารไม่ปล่อยกู้ เราหาเครื่องมือทางการเงิน เริ่มจากให้ฝ่ายขายไปคุยกับลูกค้าก่อนล่วงหน้า 6 เดือน และตรวจประวัติลูกค้าอีก เพื่อป้องกันในการก่อหนี้เพิ่มขึ้น เป็นต้น
“แนวทางการดำเนินธุรกิจของ เค.ซี.จากนี้ คือ1.การบริหารที่ดินสะสม (แลนด์แบงก์) ที่มีอยู่ในโครงการเดิมประมาณ 4-5 โครงการ ที่สามารถรองรับการพัฒนาโครงการได้ต่อเนื่องถึง 3 ปี ซึ่งเน้นโครงการในราคาที่ไม่สูงทำให้ลูกค้าเข้าถึงได้ 2.ศึกษาโมเดลที่จะร่วมกับเจ้าของที่ดินในการร่วมกันพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในระดับพรีเมียม ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาอยู่ 3-4 แปลง ราคาขายมีตั้งแต่ 20-50 ล้านบาท แต่ละโครงการจะมีมูลค่าเกินกว่า 1,000 ล้านบาท คาดว่าปลายปี 2565จะได้ข้อสรุปที่ชัดเจน 1 โครงการ มูลค่าในการพัฒนาโครงการไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท” นายสันติ กล่าว
ด้าน ดร.พรภัทร์ รอดโพธิ์ทอง บุญถนอมรองกรรมการผู้จัดการ สายงานสนับสนุนการปฏิบัติการ บริษัท เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการขยายตลาดของเค.ซี.ว่า ตลาดอสังหาฯในต่างจังหวัดยังมีความน่าสนใจ เพราะผู้คนในต่างจังหวัดก็มีความต้องการที่อยู่อาศัยในรูปแบบของโครงการจัดสรรมากขึ้นโดยเฉพาะจังหวัดที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดี หรือมีโครงการขนาดใหญ่ที่รัฐเข้ามาลงทุน อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องระวังคือ นโยบายของสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยให้กับกลุ่มลูกค้าในต่างจังหวัด ที่จะมีเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดไม่แพ้ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล แต่กำลังซื้อของลูกค้าส่วนใหญ่จะต่ำกว่า ดังนั้น การวางแผนโครงการ หรือการเลือก Product จึงต้องวิเคราะห์อย่างรอบคอบ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี