นายเยอเก้น โรสทริป รองประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ภูมิภาคเอเชีย เทเลนอร์ กรุ๊ป กล่าวโดยเชื่อว่าการควบรวมกิจการระหว่างบมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือ ดีแทค(ซึ่งเป็นบริษัทลูก)กับ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น จะสร้างบริษัทที่แข็งแกร่งซึ่งสามารถลงทุนและมีส่วนสนับสนุนในการพัฒนาดิจิทัลและเทคโนโลยีของประเทศไทยสู่อนาคต นี่เป็นโอกาสของประเทศไทยที่จะขับเคลื่อนไปสู่การเติบโต 2.0 (Growth 2.0) และทำให้ประเทศไทยอยู่ในแนวหน้าของภูมิภาค ประเทศไทยต้องการผู้เล่นในตลาดที่แข็งแกร่ง 2 ราย ไม่ใช่แค่รายเดียวที่แข็งแกร่งแต่อีก 2 ไม่แข็งแกร่ง
พร้อมยอมรับว่าการควบรวมธุรกิจในลักษณะนี้ในต่างประเทศยุโรป ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากกฎหมายไม่รองรับ แต่เทเลนอร์ยังมีแผนทำธุรกิจลักษณะนี้ในประเทศอื่นๆ ในเอเชีย อย่างเช่น ประเทศมาเลเซีย(โดยบริษัทลูกเทเลนอร์ คือ เซลคอม-ดิจิ กับบริษัทเอเซียต้า) ได้บรรลุขั้นตอนสำคัญในเชิงบวกด้านกฎระเบียบสำหรับการควบรวมกิจการในมาเลเซีย
“เรารู้สึกตื่นเต้นที่จะก้าวไปข้างหน้าโดยนำบริษัททั้งสองนี้มารวมกันเพื่อศักยภาพสูงสุด ซึ่งจะเป็นการสร้างผู้ให้บริการดิจิทัลที่แข็งแกร่งในเชิงพาณิชย์และมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ด้วยแผนการควบรวมกิจการทั้งในประเทศไทยและมาเลเซียนี้ ทำให้เทเลนอร์มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าจะสร้างบริษัทที่พร้อมก้าวสู่อนาคตที่สามารถรองรับการใช้งานดิจิทัลระดับประเทศได้ดียิ่งขึ้น และสามารถนำเสนอบริการล้ำหน้าใหม่ๆ แก่ผู้บริโภคในภูมิภาคได้” รองประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ภูมิภาคเอเชีย เทเลนอร์ กรุ๊ป กล่าว
พร้อมให้มั่นใจว่าผู้บริโภคในมาเลเซียจะยังคงได้รับประโยชน์จากการแข่งขันที่มีประสิทธิภาพในภาคโทรคมนาคม เอเซียต้า (Axiata) และ ดิจิ (Digi) พร้อมที่จะดำเนินการตามข้อเสนอตามที่ระบุโดย MCMC อย่างครบถ้วน
ทั้งนี้ ทั้งสองบริษัทมั่นใจว่าการควบรวมกิจการจะทำให้เกิดการทำงานร่วมกัน และจะสร้างผู้ให้บริการดิจิทัลที่มีความแข็งแกร่งและยืดหยุ่นมากขึ้น ซึ่งสามารถตอบสนองต่อสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไปบริษัทที่ควบรวมนี้จะส่งมอบเครือข่ายและสัญญาณที่มีคุณภาพและครอบคลุมมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังพร้อมสำหรับการลงทุนในการขยายเครือข่าย ขับเคลื่อนโซลูชั่น 5G ใหม่ๆ และสร้างการเติบโตสำหรับกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่และ SMEs โดยบริษัทใหม่นี้จะสามารถรองรับผู้ใช้งานที่มีจำนวนมากขึ้นได้ ไปพร้อมๆ กับส่งมอบสิทธิประโยชน์มากมายผ่านช่องทางบริการต่างๆ ที่มีศักยภาพมากขึ้น มอบประสบการณ์เครือข่ายที่ดียิ่งขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ
สำหรับการควบรวมในมาเลเซียยังได้เสนอแผนการลงทุนมูลค่าสูงถึง 250 ล้านริงกิต (ประมาณ 55 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือ 550 ล้านโครนนอร์เวย์) ในระยะเวลา 5 ปี เพื่อสร้างศูนย์นวัตกรรมระดับโลกในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งจะผลักดันให้มาเลเซียเข้ามาอยู่ในระดับแนวหน้าของวิวัฒนาการด้านดิจิทัลทั่วโลก โดยศูนย์นวัตกรรมนี้จะเป็นส่วนสำคัญในการวิจัยและพัฒนาอย่างกว้างขวางโดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี 5G, AI และ IOT ตลอดจนสนับสนุนสตาร์ทอัพด้านดิจิทัลในประเทศ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมทั้งสองฝ่ายคาดการณ์ว่าการควบรวมกิจการจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในครึ่งหลังของปี พ.ศ. 2565 ตามที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ เมื่อเสร็จสมบูรณ์ เอเซียต้า และ เทเลนอร์ จะถือหุ้นในสัดส่วนที่เท่าเทียมกันในบริษัทที่ควบรวมใหม่ฝ่ายละ 33.1%
ส่วนในประเทศไทยการจะเปลี่ยนแปลงบมจ.ดีแทคให้เป็นบริษัท เทเลคอม - เทคโนโลยีนั้น ยังไม่สามารถบอกตัวเลขการลงทุนได้ แต่หลักๆ จะเป็นการลงทุนระบบไอที ตลอดจนเพิ่มศักยภาพของพนักงาน 2.0ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีทั้งหมด ไม่ใช่แค่เพียงเป็นสิ่งที่เราคุยกัน ทุกๆ ที่ในโลก ในยุโรป การเกิดดิจิทัลทรานฟอร์มเมชั่น เป็นสิ่งที่คุยกันทั่วโลก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี