6 กรกฎาคม 2565 จากกรณีเหตุเพลิงไหม้ย่านสำเพ็ง นายวิลาศ เฉลยสัตย์ ผู้ว่าการ MEA หรือ การไฟฟ้านครหลวง ได้สั่งระงับการใช้งานหม้อแปลงไฟฟ้าในรุ่นเดียวกันกับหม้อแปลงไฟฟ้าจากเหตุการณ์สำเพ็ง ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ในระบบจำหน่ายไฟฟ้าของ MEA ทั้งหมดจำนวน 4 ลูก ก่อนนำไปตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยให้กับประชาชน พร้อมตอบสนองนโยบายการดูแลประชาชนอย่างใกล้ชิดของกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเมื่อวันที่ 5 ก.ค.65 เจ้าหน้าที่ MEA ได้ลงพื้นที่ถอดหม้อแปลงไฟฟ้าวงจรตาข่าย (Network Transformer) ในรุ่นเดียวกับที่เกิดเหตุ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณถนนกรุงเกษม จำนวน 2 ลูก ก่อนนำไปตรวจสอบที่การไฟฟ้านครหลวง เขตวัดเลียบ และมีแผนที่จะถอดหม้อแปลงที่เหลืออีก 2 ลูก ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 8 ก.ค.65
นอกจากนี้ MEA ได้ดำเนินมาตรการตรวจสอบหม้อแปลงไฟฟ้าในกลุ่มหม้อแปลงวงจรตาข่าย (Network Transformer) อีกจำนวน 450 ลูก ในพื้นที่เมืองชั้นใน เกาะรัตนโกสินทร์ เขตพระนคร โดยเป็นการดำเนินงานเพิ่มเติมจากภารกิจบำรุงรักษาตามมาตรฐานวิศวกรรมที่ MEA ทำอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี โดยใช้วิธี Dissolved Gas Analysis (DGA) หรือ การวิเคราะห์ก๊าซที่ละลายในน้ำมัน เพื่อตรวจหาความผิดปกติของหม้อแปลงไฟฟ้า เสมือนการตรวจเลือดของมนุษย์เพื่อตรวจสอบสุขภาพ โดยจะสามารถตรวจวัดค่าความชื้น ค่าก๊าซไฮโดรเจน คาร์บอนไดออกไซด์ คาร์บอนมอนอกไซด์ เอทิลีน อีเทน มีเทน และอะเซทิลีน เป็นต้น ซึ่งหากพบความผิดปกติ ก็จะทำให้สามารถวิเคราะห์หาสาเหตุได้อย่างแม่นยำ และสามารถซ่อมบำรุง หรือการเปลี่ยนหม้อแปลงไฟฟ้าลูกนั้น ๆ ได้ในทันที มีกำหนดการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ให้แล้วเสร็จภายในเดือน สิงหาคม 65
ขณะเดียวกัน MEA จะดำเนินการตรวจสอบด้วยรูปแบบ Standard Check กับหม้อแปลงไฟฟ้าของ MEA ซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 67,000 ลูก ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ โดยเริ่มต้นระยะที่ 1 จากการตรวจสอบควบคู่กับการทดสอบ DGA และพื้นที่ติดตั้งหม้อแปลงใกล้แหล่งชุมชน รวมจำนวนประมาณ 18,000 ลูก มีกำหนดแล้วเสร็จภายใน 4 เดือน ถือเป็นมาตรการเร่งด่วนที่ทำเพิ่มเติมจากการตรวจประจำปี โดยการตรวจสอบด้วยกล้องวัดอุณหภูมิ Thermo Scan เพื่อหาค่าความร้อนที่เพิ่มสูงขึ้นผิดปกติ ตรวจสอบการทำงานของระบบป้องกันในหม้อแปลงไฟฟ้า รวมถึงการตรวจสอบค่ากระแสไฟฟ้า แรงดันไฟฟ้า จุดเชื่อมต่ออุปกรณ์ และระบบสายดิน เพื่อประเมินประสิทธิภาพการจ่ายไฟฟ้าของหม้อแปลงไฟฟ้าแต่ละลูก และประเมินความปลอดภัยตลอดอายุการใช้งาน ตลอดจนการเพิ่มนวัตกรรมระบบควบคุมและติดตามการทำงานของหม้อแปลงไฟฟ้า (Online Transformer Control & Monitoring System) มาใช้เสริมความปลอดภัยจากการทำงานของหม้อแปลงไฟฟ้าได้มากยิ่งขึ้น
“สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบนั้น MEA ได้ดำเนินมาตรการเยียวยาแล้วบางส่วน ได้แก่ กลุ่มที่ให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นโดยไม่รอการพิสูจน์หลักฐานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งในกลุ่มผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ และกลุ่มร้านค้าที่ไม่ต้องรอการประเมินมูลค่าความเสียหาย” นายวิลาศ กล่าว
ในด้านการแก้ไขระยะยาว MEA ยังคงดำเนินโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินอย่างต่อเนื่อง โดยมีระยะทางดำเนินโครงการรวม 215.6 กิโลเมตร มีกำหนดแล้วเสร็จในปี 68 โดยระหว่างนี้ MEA จะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าง กรุงเทพมหานคร (กทม.) และสํานักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สํานักงาน กสทช.) ในการแก้ไขปัญหาสายสื่อสารที่เป็นจุดเสี่ยงเพลิงไหม้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดระเบียบสายสื่อสารในบริเวณหม้อแปลงไฟฟ้า ซึ่งนอกจากจะทําให้เกิดความปลอดภัยแล้ว ยังส่งผลดีต่อทัศนียภาพของเมืองอีกด้วย
นายโกศล ขาวสำอางค์ ผู้อำนวยการไฟฟ้าเขตวัดเลียบ ได้มอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้กับผู้เสียหาย และผู้ที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 4 ราย ได้แก่ นางสาวมลชรัตน์ แก้วศรีไตร, นางสาวนราทิพย์ อาสา, นางสาวเกศกนก ศรีสุริยวงศ์ และนายบรรณวิชญ์ เขตมรคา รวมถึงมอบหนังสือรับรองการมีสิทธิรับเงินค่ารักษาพยาบาล (นอกเหนือจากประกันสังคม และให้เรียกเก็บค่ารักษาพยาบาลกับการไฟฟ้านครหลวง) ที่โรงพยาบาลกลาง และโรงพยาบาลศิริราช ให้กับนายสมชาย วรสาน ณ ห้องประชุมจักรเพชร การไฟฟ้านครหลวงเขตวัดเลียบ
สำหรับประชาชนที่พบว่าอุปกรณ์ไฟฟ้าของ MEA ชำรุด หรืออยู่ในสภาพที่ไม่ปลอดภัย สามารถแจ้งเหตุได้ที่ MEA Smart Life Application ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟนระบบ iOS และ Android ของ MEA ที่มีฟังก์ชันทันสมัยสามารถแจ้งข้อมูลพร้อมปักหมุดบนแผนที่ ณ จุดเกิดเหตุส่งตรงถึงเจ้าหน้าที่ได้ทันที ดาวน์โหลดฟรี คลิก https://onelink.to/measmartlife หรือแจ้งช่องทางโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ได้แก่ Facebook : การไฟฟ้านครหลวง MEA, Line : MEA Connect, Twitter: @mea_news และศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ไฟฟ้าการไฟฟ้านครหลวง MEA Call Center 1130 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี