ทรู-ดีแทคประสานเสียงยืนยัน ถึงเวลา กสทช. ตัดสินใจ มุ่งเดินหน้าพิจารณาด้านเงื่อนไข ยิ่งช้า ไทยยิ่งเสียโอกาสระดับภูมิภาค พร้อมย้ำดีล True-dtac คือการควบรวมอย่างเท่าเทียม ไม่ใช่ซื้อกิจการ มั่นใจดีลนี้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและผู้บริโภค
21 ก.ค.ที่ผ่านมา นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ และ ประธานกรรมการ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ นายซิคเว่ เบรคเก้ President and Chief Executive Officer (CEO) เทเลนอร์ กรุ๊ป ร่วมแถลงข่าวเปิดเผยถึงความร่วมมือระหว่างกันในการปรับโครงสร้างธุรกิจทรู-ดี แทค ซึ่งนำไปสู่ Telecom-Tech Company เพื่อขับเคลื่อนไทยเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีระดับภูมิภาค โดยยืนยันว่าการร่วมมือกันครั้งนี้ คือการควบรวมอย่างเท่าเทียมกัน โดยทั้งสองฝ่ายถือหุ้นในบริษัทใหม่ ฝ่ายละประมาณ 30% ไม่ใช่การซื้อกิจการ จึงไม่จำเป็นต้องขออนุญาตคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ตามประกาศกสทช. ปี 2561
นอกจากนี้หากพิจารณาการควบรวมที่ผ่านมาในประเทศไทย อาทิ การควบรวมระหว่าง TOT-CAT ซึ่งเป็น NT ในปัจจุบัน สามารถชี้ชัดได้เลยว่า เป็นการควบรวมเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และทำได้โดยไม่จำเป็นต้องขออนุมัติจาก กสทช. ซึ่งแตกต่างจากดีลของ AIS-3BB ซึ่งเป็นการซื้อกิจการ ดังนั้นสิ่งที่กสทช. มีอำนาจคือการกำหนดเงื่อนไข เพื่อสร้างผลประโยชน์ในทางบวก และลดผลกระทบในทางลบที่อาจเกิดขึ้น
โดยขณะนี้ทั้ง 2 บริษัทยังอยู่ระหว่างการรอทางกสทช. กำหนดเงื่อนไขซึ่งล่าช้ากว่าแผนเดิมภายในระยะเวลา 90 วัน หลังจากที่บริษัทได้เสนอผู้ถือหุ้นทั้ง True-dtac เพื่อขอความเห็น ซึ่งเกินกว่า 90% ให้ความเห็นชอบ และทำการศึกษารายละเอียดการควบรวมไปเกือบ 100% แล้ว รวมถึงได้ยื่น Filling พร้อมด้วยแผนธุรกิจและข้อมูลทุกอย่างไปตั้งแต่ 25 ม.ค. 2565 ตามระเบียบของ กลต, ตลาดหลักทรัพย์และ กสทช. ซึ่งควรจะได้ข้อสรุปตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แต่ยังติดขัดในเรื่องขั้นตอนการกำกับดูแลจาก กสทช.
ทางกสทช. จึงควรเดินหน้าพิจารณาเงื่อนไขทันที ก่อนเลยกรอบกำหนดเวลาตามกฎหมาย โดยทางทรูและดีแทคพร้อมทำงานกับกสทช. เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศจากการเกิดเป็นบริษัทเทคโนโลยีใหม่ ทั้งเครือข่ายเร็วแรงและครอบคลุมที่สุดในไทยและในอาเซียนจาก 49,800 ฐาน รวมถึงนวัตกรรมและโซลูชั่นจากเทคโนโลยีใหม่เพื่อส่งเสริมสตาร์ทอัพ ซึ่งยิ่งช้าเท่าไหร่ ไทยจะยิ่งเสียโอกาสทางการแข่งขันในระดับภูมิภาคมากขึ้นเท่านั้น รวมถึงส่งผลเสียทั้งต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและอุตสาหกรรมในภาพรวมด้วย ซึ่งในส่วนของราคาค่าบริการนั้น กสทช. ยังคงควบคุมค่าบริการพื้นฐาน และมีกลไกตลาดกำกับอยู่แล้ว นอกจากนี้การมีผู้เล่น 2 รายที่แข็งแกร่ง แทนที่จะแข็งแกร่งเพียงรายเดียว ก็จะทำให้การแข่งขันมากขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคโดยตรงด้วย โดยทางทรูและดีแทคพร้อมให้ความร่วมมือกับกสทช.อย่างเต็มที่ และหวังว่ากสทช. ดำเนินการไปตามครรลองของกฎหมาย กรอบเวลา และเงื่อนไขต่างๆ ตามกฎหมายที่ได้ร่างไว้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี