นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก หรือโออาร์ กล่าวว่า ภาพรวมการใช้น้ำมันปีนี้ คาดว่า ขยายตัวประมาณ 8-10% เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มียอดขายน้ำมันในประเทศ 23,150 ล้านลิตร เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากรัฐบาลประกาศวันหยุดยาว ราคาน้ำมันตลาดโลกเริ่มปรับลดลง การเปิดประเทศ รวมทั้งการเข้าสู่ช่วงฤดูการท่องเที่ยวในไตรมาส 3 และ 4 เชื่อว่า ส่งผลให้ประชาชนหันกลับมาเดินทางมากขึ้น จนเกือบเป็นปกติเมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดโควิด โดยครึ่งปีแรก (มกราคม-มิถุนายน 2565) มีปริมาณการใช้น้ำมันกลับสู่ภาวะที่สูงขึ้น เพิ่มขึ้นประมาณ 6-8% โดยปัจจุบันโออาร์มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ประมาณ 38-39% เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีสัดส่วน35-36%
“จากวิกฤตพลังงานไม่ได้ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันลดลงโดยเห็นได้จากในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาการใช้น้ำมันเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติมีอัตราเติบโต 6-8% แต่หลังจากนี้โออาร์เน้นพัฒนาธุรกิจที่เกี่ยวกับโมบิลิตี้โดยจะเพิ่มพัฒนาบริการที่เรียกว่า เซลล์เซอร์วิส เพื่อให้ประชาชนได้ลดค่าใช้จ่ายในการเข้ามาใช้บริการลง”นางสาวจิราพรกล่าว
ส่วนนโยบายการลดค่าการตลาดของน้ำมันนั้น ต้องแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือน้ำมันดีเซลและน้ำมันเบนซิน ซึ่งในส่วนของน้ำมันดีเซล จะมีการนำเอาเงินจากกองทุนน้ำมันมาบริหารจัดการในลักษณะที่หากราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลง จะดึงเงินเข้า แต่ถ้าราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นก็นำเงินกองทุนฯมาใช้ ขณะที่ค่าการตลาดน้ำมันเบนซินจะดูผู้ค้ามาตราเจ็ดเป็นหลัก ทั้งหมดนี้ ยังมองว่าไม่ได้กระทบกับสัดส่วนกำไรของธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน
นางสาวจิราพรกล่าวว่า โออาร์เตรียมขยายการลงทุนไปยัง 100 ประเทศทั่วโลกในปี 2573 จากปัจจุบันที่โออาร์ลงทุนในต่างประเทศจำนวน 10 ประเทศ คือ กัมพูชา เวียดนาม ญี่ปุ่น ลาว จีน ฟิลิปปินส์ โอมาน มาเลเซีย สิงคโปร์ เมียนมา ซึ่งการไปลงทุนในต่างประเทศของโออาร์ จะนำคู่ค้าที่เป็นแบรนด์ไทยของโออาร์ไม่ต่ำกว่า 10 แบรนด์ ไปร่วมลงทุนด้วย เป็นการสร้างโอกาสขยายตลาดไปยังต่างประเทศให้กับพาร์ทเนอร์ของโออาร์
ส่วนแผนการขยายสาขาปีนี้โออาร์ยังเดินหน้าตามแผนการลงทุน 96,000 ล้านบาท โดยจะขยายพอร์ตการลงทุนในส่วนของการขับเคลื่อน (โมบิลิตี้) พลังงานอนาคตการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) การพัฒนาบริการซ่อมอีวีในฟิท ออโต้ ขณะเดียวกันในช่วงครึ่งปีหลังร้านจะขยายสถานีบริการน้ำมันพีทีที สเตชั่น เป็น 2,130 สาขา จากปัจจุบันที่มี 2,080 สาขา
“ในช่วง 5 เดือนหลังของปีนี้โออาร์เตรียมที่จะเจรจาจัดหาพันธมิตรที่เข้ามาร่วมธุรกิจอีกประมาณ 5 ราย อยู่ระหว่างการเจรจา มีทั้งในกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มสินค้าบริการมีทั้งคอร์ปอเรท เอสเอ็มอี และสตาร์ทอัพ จากก่อนหน้านี้โออาร์ก็ได้มีการดึงพันธมิตรเข้ามาร่วมในธุรกิจแล้ว 10 รายในช่วง 2 ปี “นางสาวจิราพรกล่าว
นอกจากนี้การลงทุนในเมียนมาช่วงที่ผ่านมาโออาร์มีการลงทุน 2 ส่วน คือ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในการทำเทอร์มินอลซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 80% ส่วนนี้สามารถดำเนินการก่อสร้างได้ปกติและชำระเงินได้ ส่วนที่สองคือการขยายสาขาคาเฟ่ อเมซอน ในลักษณะของแฟรนไชส์ มีการขยายไปแล้ว 6 สาขา ไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องของมาตรการการชำระเงินเพราะทั้งหมดได้มีการชำระเงินในรูปเงินบาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี