นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (BTS) เปิดเผยว่า บีทีเอส กรุ๊ป มีแผนในการสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจอย่างยั่งยืน ปัจจุบันทำธุรกิจเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐาน ระบบรางขนส่งมวลชน โดยมีการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง แม้เศรษฐกิจโลก หรือ โควิด-19 จะทำให้หลายๆ บริษัทได้รับผลกระทบรวมถึงบีทีเอส กรุ๊ป แต่ก็สามารถกลับมาได้อย่างรวดเร็ว ด้วยความที่ธุรกิจมีความแข็งแรงบุคลากรมีศักยภาพ และมีสภาพคล่องทางการเงินที่มั่นคง
ทั้งนี้ ปัจจุบันบีทีเอส กรุ๊ป ได้ดำเนินธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ 3M คือ 1.MOVE ระบบขนส่งมวลชนระบบรางในกรุงเทพฯ ได้ดำเนินโครงการไปแล้วถึง 140 กิโลเมตร, 2.MIX การเข้าไปมีส่วนร่วมในกิจการต่างๆ และ 3.MATCH การเป็นผู้ให้บริการให้กับลูกค้าและพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจ อย่างไรก็ตาม ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาบีทีเอส กรุ๊ปได้ใช้เงินลงทุนไปมากกว่า 1.2 แสนล้านบาท ในการเข้าไปดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลือง และเข้าไปมีส่วนร่วมในธุรกิจอื่นๆ อีกหลายแห่ง เพื่อสร้างแพลตฟอร์มสำหรับทำธุรกิจ และลงทุนเมืองการบินอู่ตะเภาอีกกว่า 5 แสนล้านบาท
โดยล่าสุดได้ลงทุนเพิ่มอีกหนึ่งธุรกิจ คือ บริษัท แรบบิท ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ Rabbit Life จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะเข้าไปอยู่ในแพลตฟอร์มของบีทีเอส กรุ๊ป ซึ่งสามารถเข้ามาใช้ดาต้าต่างๆที่มีอยู่ในมือของบีทีเอสกรุ๊ป นำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตได้ โดยปัจจุบันมีสมาชิกบัตรแรบบิทที่ออกไปแล้วมากกว่า 15 ล้านใบเป็นฐานลูกค้าที่จะทำให้ธุรกิจนี้ได้ประโยชน์ และแนะนำการบริการทางการเงินให้กับลูกค้า
นายกรณ์ ชินสวนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แรบบิท ประกันชีวิต จํากัด (มหาชน) หรือ Rabbit Life กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าเป็นหนึ่งในใจของผู้บริโภค โดยเริ่มต้นจากแนวคิดในการมีลูกค้าเป็นศูนย์กลาง พร้อมตอบสนองต่อลูกค้าที่แตกต่าง โดยการรับฟังความต้องการ เรียนรู้ เพื่อนำไปออกแบบและพัฒนาให้ได้ค่าตอบที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า ภายใต้สโลแกน “Rabbit Life Level up life” ซึ่งบริษัทตั้งเป้าการเป็น1 ใน 10 ของตลาดธุรกิจประกันชีวิตภายใน 3 ปี หรือในปี 2568 ส่วนในปี 2565 นี้ตั้งเป้ามีเบี้ยรับรวมมากกว่า 2,000 ล้านบาท
“การที่จะติดท็อปเทนต้องมีมาร์เก็ตแชร์ของตลาดรวมมากกว่า 1% โดยต้องมีเบี้ยใหม่ 6,000-7,000 ล้านบาท และมีเบี้ยรับรวมกว่า 10,000 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมีตัวแทน350 ราย ซึ่งสิ้นปี 2565 คาดจะมีตัวแทน500 ราย ส่วนช่องทางเทเล มี 120 รายสิ้นปี 2565 คาดว่าจะมี 150 ราย และที่ปรึกษาทางด้านการเงิน 20 ราย อย่างไรก็ตามด้วยประสบการณ์การดำเนินธุรกิจมากว่า 25 ปี ทำให้บริษัทประสบความสำเร็จจากการดำเนิธุรกิจส่งผลให้บริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดี ซึ่งในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมีเบี้ยรับรวม800 ล้านบาท” นายกรณ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี