วันศุกร์ ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / โลกธุรกิจ
‘สุพัฒนพงษ์’แจงยิบปมครม.ไฟเขียวพ.ร.ก. เงินกู้ อุ้มกองทุนน้ำมัน

‘สุพัฒนพงษ์’แจงยิบปมครม.ไฟเขียวพ.ร.ก. เงินกู้ อุ้มกองทุนน้ำมัน

วันพุธ ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2565, 15.04 น.
Tag : สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ครม. พลังงาน ค่ากลั่นน้ำมัน กองทุนน้ำมัน พ.ร.ก.เงินกู้
  •  

‘สุพัฒนพงษ์’แจงยิบปมครม.ไฟเขียว พ.ร.ก.ค้ำประกันเงินกู้ อุ้มกองทุนน้ำมัน ยักไหล่ปมนายกฯ 8 ปี บอกวันนี้ยังทำงานทุกด้าน ฉวยวิกฤตสร้างโอกาสดึงดูดนักลงทุนเข้าประเทศ

17 สิงหาคม 2565 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 16 ส.ค.65 พิจารณาวาระลับ เรื่องร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังค้ำประกันการชำระหนี้ ของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. …. และการกู้ยืมเงินของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ซึ่งมีวงเงินกู้ยืมของกองทุนน้ำมัน 1.5 แสนล้านบาท ว่า เป็นเรื่องการดูแลเสถียรภาพบทบาทหน้าที่ของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เนื่องจากที่ผ่านมามีความผันผวนจากปัจจัยวิกฤตต่างๆที่เกิด รวมทั้งค่าเงินบาทที่อ่อนลง จึงทำให้มีภาระ ซึ่งในอดีตที่ผ่านมากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นส่วนหนึ่งของกระทรวงพลังงาน ดังนั้นในอดีตกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเคยมีเงินทุนติดลบอยู่หลายหมื่นล้านบาท สามารถออกเงินกู้ ตราสารหนี้ ได้เพราะเป็นหน่วยงานหนึ่งในกระทรวงพลังงาน และเป็นไปโดยอัตโนมัติที่กระทรวงการคลังจะเป็นผู้ค้ำประกันอยู่แล้ว เมื่อมีพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงขึ้นมาแต่สิทธิเดิมเหล่านี้ไม่ได้ติดมาด้วยจึงต้องพยายาม ดูว่าจะใช้วิธีการเดิมโดยการกู้หรือจะทำอย่างไรแต่สิทธิเดิมเหล่านั้นไม่ตามมา


“ดังนั้นจึงเป็นอุปสรรค ทำให้กระทรวงพลังงานต้องหารือกับกระทรวงการคลังมาเป็นเวลานานโดยมีการตั้งคณะอนุกรรมการ การเงินโดยมีกระทรวงการคลังเป็นประธาน เพื่อพยายามหาทางเลือกและนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งการประชุมครม.เมื่อวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา จึงได้นำเสนอเพื่อพิจารณาแนวทางต่างๆ ส่วนที่เหลือทางคณะกรรมการกฤษฎีกาก็ต้องไปดำเนินการต่อ และเมื่อเป็นพ.ร.ก. ก็จะมีผลทันทีโดยเดินไปตามหลักเกณฑ์ทั่วไป แต่เมื่ออยู่ในสมัยประชุมสภาจึงต้องนำเสนอรัฐสภา”

นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่เราจะต้องรีบดำเนินการ อีกทั้งในต่างประเทศกำลังจะเข้าฤดูหนาวจึงยังไม่ทราบว่าสถานการณ์ในต่างประเทศนั้นอาจจะมีผลต่อราคาพลังงาน ขึ้นมาอีก ดังนั้นเพื่อให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงดำเนินการไปตามบทบาทหน้าที่ของตัวเองที่จะสามารถช่วยประชาชนได้ต่อไป จึงจะต้องเร่งดำเนินการเรื่องนี้โดยเร็วเพราะล่าช้ามาพอสมควรแล้ว เราก็ได้หาทุกวิถีทางที่จะสร้างสภาพคล่อง สร้างความน่าเชื่อถือ ให้กับกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง

ผู้สื่อข่าวถามว่า 1.5 แสนล้านนี้ เราจะกู้ให้เต็มเพดานเลยหรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ตรงนี้เป็นรายละเอียดอีกครั้งวาระการประชุมครม. ยังเป็นวาระลับอยู่ ยังตอบอะไรไม่ได้มาก แต่ไม่ใช่เป็นการกู้แบบคราวเดียวเพราะต้องทยอยตามความจำเป็น อย่างไรก็ตามอันนี้เป็นของเก่าที่กู้ในขณะเดียวกันของใหม่ก็เตรียมเผื่อไว้บ้าง ก็จะพยายามทำให้ดีแต่ต้องดูวินัยการเงินกลางคลังด้วยเพื่อไม่ให้เกินกรอบ อย่างไรก็ตามตัวเลข 1.5 แสนล้านบาทนั้น มาจากการคำนวณของกระทรวงการคลังซึ่งเป็นตัวเลขที่เหมาะสมและยังอยู่ในกรอบวินัยการเงินการคลัง

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะทำให้หนี้เพิ่มขึ้นอีกกี่% รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงไม่น่าจะมาก แต่ตนเองไม่มั่นใจ เพราะทางกระทรวงการคลังเป็นผู้คำนวณ ค่อนข้างจะรอบคอบอยู่แล้ว เมื่อถามย้ำว่าในสัปดาห์หน้าจะสามารถเริ่มกู้ได้เลยหรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการกฤษฎีกาที่จะนำข้อเสนอแนะต่างๆ พิจารณาทางเลือกต่างๆ ถึงความเหมาะสม

ผู้สื่อข่าวถามว่าในส่วนนี้รวมถึงการใช้หนี้กองทุนน้ำมันที่ติดลบอยู่ด้วยหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะตัวเลขใดก็แล้วแต่ตอนนี้ยังเป็นเรื่องลับอยู่ แต่ก็ต้องครอบคลุมทั้งหมด

ผู้สื่อข่าวถามว่าทำไมรัฐบาลจึงไม่เลือกเก็บภาษีลาภลอยตามที่มีการพูดถึง นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า หากย้อนกลับไปดูในอดีตภาษีลาภลอยเคยมีคนคิดอยู่แล้ว แต่เป็นเรื่องที่จะต้องใช้เวลา และไม่ใช่มีเกณฑ์ที่จะทำได้ง่ายๆ

เมื่อถามว่าได้มีการพูดคุยกับ 6 โรงกลั่นอยู่หรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ก็คุย แต่วันนี้ค่าการกลั่นไป 2 บาทกว่าแล้ว หากค่าการกลั่นยืนระยะสูง 5-6 บาทอย่างต่อเนื่อง ก็คงต้องพูดคุยต่อ แต่ตอนนี้เหลือ 2 บาทกว่า อดีตรัฐมนตรีคลังก็มาพูดเองด้วยตัวเลข 9 บาท ซึ่งไม่ใช่ตัวเลขของตน ขณะที่คนอื่นคำนวณได้ 5 บาท แต่ก็เข้าใจ เพราะอดีตรมต.ไม่ได้ออกมาทางนี้

เมื่อถามว่าตอนนี้พูดได้หรือไม่ว่าพับแผนการคุยกับโรงกลั่นไปแล้ว รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ถ้ามีโอกาสก็คุยต่อเนื่อง แต่วันนี้ 2 บาทกว่า ถ้าเราไปคุยเขาก็คงไม่คุยด้วย ถึงแม้ว่าวันนี้ ราคาอ่อนตัวลงมา แต่เราก็ต้องไม่ประมาทเพราะสถานการณ์เมื่อเข้าฤดูหนาวอะไรๆมันก็เกิดขึ้นได้เพราะความต้องการสูงมากขึ้น อีกทั้งบรรยากาศของสงคราม ที่เราเห็นเปลี่ยนแปลงทุกวันและยังมีเรื่องของการซ้อมรบของจีนด้วย และปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ มันก็มีผล เพราะฉะนั้นประเทศไทยจึงต้องมีความยืดหยุ่น และเตรียมความพร้อมในทุกๆเรื่อง ที่จะดูแลประชาชนรักษาเสถียรภาพ ในเรื่องที่สำคัญสำคัญนี้ให้ได้ ก็ต้องพยายามให้ดีที่สุด แต่ยังยืนยันว่าอยู่ในกรอบของวินัยการเงินการคลัง กระทรวงการคลังเองก็ไม่ได้อึดอัดแต่อย่างใด เพราะกระทรวงคลังเป็นคนคำนวณเอง จึงอยากให้ประชาชนได้สบายใจ ว่าไม่ใช่เป็นหนี้ใหม่ที่รัฐบาลไปก่อ เป็นเรื่องที่ดูแลของเดิมที่เคยปฏิบัติได้ และแน่นอนว่าธนาคารก็มีความมั่นใจมากขึ้น

ทั้งนี้ ขอเรียนว่า ไม่ว่าจะมีการแก้ไขหรือปรับปรุงอย่างไรหรือไม่ การที่กองทุนน้ำมันไปกู้ หนี้นี้ก็เป็นหนี้สาธารณะ ถึงอย่างไรก็จะหลบจะซ่อนไม่ได้ จึงขอให้สบายใจว่ากระทรวงการคลังดูแลดี แต่สิ่งที่สำคัญในยามวิกฤตินี้เราต้องประคับประคองให้ผ่านพ้นไปให้ได้โดยรักษาวินัยทางการเงินการคลังให้ดีที่สุด เท่าที่จะทำได้ เพื่อที่จะเจริญเติบโตต่อไปได้

ผู้สื่อข่าวถามว่าภารกิจนี้ถือเป็นความท้าทายการทำงานของรัฐบาล อย่างไรหรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ตน คิดว่าท้าทายทุกรัฐบาล เพราะความท้าทายที่แท้จริง คือความไม่แน่นอน เพราะอะไรจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ เช่น กรณีก๊าซแอลเอ็นจี เมื่อ3เดือนที่แล้วขาย 20 เหรียญต่อล้านหน่วยความร้อน ซึ่งตนคิดว่าแพงแล้ว มีผลไปถึงค่าไฟ ค่าเอฟที พอสมควร แต่วันนี้ขึ้นไป 50 กว่าเหรียญ ทำให้เห็นว่าเราคาดเดาไม่ได้ ทำให้แต่ละประเทศเกิดการกักตุนเพราะกลัวความหนาวเย็น ทำให้ราคากระโดดขึ้น เราจึงไม่แน่ใจว่าจะมาเบียดบังน้ำมันอีกหรือไม่ และวันนี้เราก็ใช้ถ่านหินใช้เป็นเชื้อเพลิงบ้างเพื่อพยายามลดต้นทุนให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ตนขอเรียนตรงๆว่า ขอเพียงพวกเราประหยัดสัก 10-20% ของค่าไฟฟ้า เราเข้าใจทุกฝ่าย รัฐบาลพยายามทำดีที่สุดเท่าที่จะดีได้ แต่ภายใต้สถานการณ์อย่างนี้ ยอมรับว่า ความไม่แน่นอน คือความเสี่ยง และประเมินความเสี่ยงไม่ได้ ความไม่แน่นอนคืออะไรก็ได้จะเป็นศูนย์ หรือจะเป็น 100 ก็ได้ แต่ความเสี่ยงเรายังประเมินได้ว่ามีลักษณะอย่างไรและอาจจะเกิดขึ้น 30 -50% เราก็ต้องเตรียมการทุกด้าน

ผู้สื่อข่าวถามว่าคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) เคาะขึ้นค่าเอฟที แล้ว รัฐบาลต้องรับมืออย่างไร นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ตนก็ต้องดูแลกลุ่มคนเปราะบาง ตอนนี้ให้กกพ. ไปคิดต่อว่าเมื่อขึ้นไปอย่างนี้ กลุ่มคนเปราะบาง คนที่เคยดูแลอยู่ ที่ใช้ไฟไม่เกิน 300 หน่วย ถ้าจะต้องดูแลต่อจะต้องใช้เงินอย่างไร มากกว่า 300-500 หน่วย จะดูแลอย่างไร ซึ่งอีกไม่นานคงทราบ เราจะรีบดำเนินการ เพราะราคาเอฟทีใหม่จะมีผลในเดือนกันยายน ซึ่งของต้องใช้งบฯกลางในการดูแลกลุ่มเปราะบางที่เดือดร้อนให้น้อยที่สุด

ผู้สื่อข่าวถามว่า ใช้เวลาถึงสิ้นปี 65 นี้เลยหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ต้องเป็นเช่นนั้นเพราะเป็นไปตามรอบของค่าไฟฟ้า ก็ประคับประคองกันไป เป็นสถานการณ์ที่ยากแต่เชื่อว่ารัฐบาลหนักใจทั้งนั้น แต่ขอให้ความมั่นใจว่า เรื่องเสถียรภาพวินัยการเงินการคลัง นายกรัฐมนตรีกำชับและให้ความสำคัญเป็นพิเศษทำอะไรให้อยู่ในกรอบ บางครั้งอาจทำให้พวกเราได้รับผลกระทบอยู่บ้าง แต่ก็ต้องพยายามเต็มที่ และรัฐบาลก็รับไปดูแลส่วนหนึ่งแล้ว เช่น ค่าเอฟที กฟผ. ก็ได้ดูแลค่าใช้จ่ายในส่วนที่เพิ่มเติมมาจากค่าก๊าซที่สูงขึ้น ไม่ได้ผลักเป็นภาระในค่าเอฟที ขอให้เกิดความมั่นใจ และให้มีความเชื่อมั่นว่านายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญเรื่องความเข้มแข็งของเสถียรภาพ ในขณะเดียวกันก็ดูแลเรื่องความเดือดร้อนของประชาชนให้ดีที่สุดเท่าที่จะดีได้ ภายใต้กรอบที่เราจะต้องรักษาไว้ ไม่ทำให้เกิดความสุ่มเสี่ยงต่อเสถียรภาพการเงินการคลัง

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าจะมีคนมาแทนในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ตอนนี้เก้าอี้ยังมีขาแข็งแรงอยู่หรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์ หัวเราะและกล่าวว่า "ผมไม่ทราบ ผมก็นั่งเก้าอี้สี่ขา เรื่องนี้ไม่เป็นอะไร ทำหน้าที่ต่อไป เรื่องของการทำงานก็ยังต้องทำงาน เพราะปัญหาหน้างานก็เยอะอยู่แล้ว รวมทั้งปัญหาอนาคตที่จะต้องสร้างและดึงดูดนักลงทุน เพราะต้องทำคู่กัน ตอนนี้ปัญหาหน้างาน เช่น ราคาพลังงาน วิกฤติต่างๆ ก็ต้องแก้ไขกันไป ในขณะเดียวกันเรื่องที่จะเป็นโอกาสที่จะเกิดประโยชน์ต่อประเทศไทย เพราะเมื่อเกิดความขัดแย้งก็จะมีการย้ายฐาน ซึ่งประเทศไทยก็เป็นประเทศหนึ่งที่มีโอกาสสูงในการที่จะได้รับคัดเลือกให้เป็นประเทศที่น่าลงทุน ดังนั้นเราต้องทำงานเชิงรุก และในวันเดียวกันนี้ในที่ประชุมบีโอไอได้มีการอนุมัติรถยนต์ค่ายใหญ่ของจีนที่จะเข้ามา ซึ่งเป็นอันดับหนึ่งของจีนที่ตัดสินใจลงทุนในประเทศไทย ทั้งรถอีวี บีอีวี"

-005

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • EnergyLIB เปิดตัว ‘LIB Solar Townhome’ ระบบโซลาร์เพื่อผู้อยู่อาศัย EnergyLIB เปิดตัว ‘LIB Solar Townhome’ ระบบโซลาร์เพื่อผู้อยู่อาศัย
  • กบน.ตรึงราคาน้ำมันหน้าปั๊ม ลดส่งเงินกองทุนรับขึ้นภาษีสรรพสามิต กบน.ตรึงราคาน้ำมันหน้าปั๊ม ลดส่งเงินกองทุนรับขึ้นภาษีสรรพสามิต
  • ปตท. ลงนามสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติส่วนเพิ่มแหล่งอาทิตย์ ปตท. ลงนามสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติส่วนเพิ่มแหล่งอาทิตย์
  • พลังงานเร่งเจรจาความร่วมมือด้าน LNG กับรัฐอะแลสกา พลังงานเร่งเจรจาความร่วมมือด้าน LNG กับรัฐอะแลสกา
  • กบน.ปรับลดเงินกองทุนน้ำมันฯช่วยตรึงราคาน้ำมัน หลังภาษีสรรพสามิตขึ้น กบน.ปรับลดเงินกองทุนน้ำมันฯช่วยตรึงราคาน้ำมัน หลังภาษีสรรพสามิตขึ้น
  • จับตา 6 พ.ค. ‘นายกฯ’นั่งหัวโต๊ะถก‘กพช.’ เคาะกรอบ‘ค่าไฟ’งวดใหม่ ก.ย.- ธ.ค.68 จับตา 6 พ.ค. ‘นายกฯ’นั่งหัวโต๊ะถก‘กพช.’ เคาะกรอบ‘ค่าไฟ’งวดใหม่ ก.ย.- ธ.ค.68
  •  

Breaking News

(คลิป) เมื่อกล้องวงจรปิด 'ชั้น14และบ้านจันทร์ส่องหล้า' เสียพร้อมกัน นอนบ้านไม่ได้นอนชั้น14 ด้วยหรือไม่

KNU ประกาศชัยชนะตีฐานทหารเมียนมาตรงข้ามช่องทางพุน้ำร้อนเมืองกาญจน์แตกกระเจิง

คดี‘ชั้น 14’พ้นพิษ! ‘บิ๊กต่าย’สั่งกองวินัยเตรียมสอบ‘หมอ รพ.ตำรวจ’

ได้โอกาสส่งออก! ‘อินโดนีเซีย’เผยปี’68คาดผลผลิตข้าวเหลือเกินบริโภคในปท.

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved