นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีและโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี อนุมัติเงิน 2,923 ล้านบาท เพื่อใช้สนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ทั้งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ประกอบด้วย 1. รถยนต์นั่ง หรือรถยนต์โดยสารที่นั่งไม่เกิน 10 คน ประเภท BEV ราคาขายปลีกแนะนำไม่เกิน2 ล้านบาท โดยรถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสาร ที่นั่งไม่เกิน 10 คน ขนาดความจุของแบตเตอรี่ตั้งแต่ 10 กิโลวัตต์ชั่วโมง แต่น้อยกว่า 30 กิโลวัตต์ชั่วโมง เงินอุดหนุน 70,000 บาท/คัน และรถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่นั่งไม่เกิน 10 คน ขนาดความจุของแบตเตอรี่ตั้งแต่ 30 กิโลวัตต์ชั่วโมงขึ้นไปให้การอุดหนุน 150,000 บาท/คัน
ส่วนรถยนต์กระบะประเภท BEV ราคาขายปลีกแนะนำไม่เกิน 2 ล้านบาท เฉพาะรถยนต์กระบะผลิตในประเทศ ขนาดความจุของแบตเตอรี่ 30 กิโลวัตต์ชั่วโมงขึ้นไปให้เงินอุดหนุน 150,000 บาท/คัน และรถจักรยานยนต์ประเภท BEV ที่มีราคาขายปลีกแนะนำไม่เกิน 150,000 บาท จำนวนเงินอุดหนุน (บาท/คัน) 18,000 บาท
ทั้งนี้ค่ายรถยนต์ที่เข้าร่วมโครงการ ต้องลงนามความร่วมมือกับกรมสรรพสามิต เพื่อปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขที่กรมสรรพสามิตกำหนด และยอมรับบทลงโทษหากไม่สามารถดำเนินการได้ เช่น หากค่ายรถยนต์ไม่ผลิตรถยนต์นั่งรถยนต์โดยสารตามข้อกำหนด กรมสรรพสามิตจะเรียกคืนเงินอุดหนุนดังกล่าว พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี โดยไม่คิดทบต้นและบังคับตามหนังสือสัญญาค้ำประกันโดยธนาคาร
สำหรับการจองซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ล่าสุดแบ่งเป็นรถยนต์ 18,100 คัน และรถจักรยานยนต์ 8,800 คัน โดยมาตรการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า พยายามทำให้รถไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ (BEV) ราคาลดลงใกล้เคียงกับรถยนต์ใช้น้ำมัน รัฐบาลยังเดินหน้าผลักดันให้ไทยยังเป็นศูนย์กลางการผลิตรถ EV และชิ้นส่วนรถยานยนต์ EV ในภูมิภาค
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี