ค่ายรถจีน เปิดตัวแบรนด์ NETA อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ตั้งบริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด เป็นศูนย์กลางธุรกิจรถไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียน จับมือ ปตท. (โออาร์) สร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าในไทย เตรียมแนะนำรถยนต์ไฟฟ้า เข้าสู่ตลาดอย่างน้อยปีละ 1 รุ่น ประเดิมเปิดตัว “NETA V” (เนต้า วี) รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ภายใต้แนวคิด “Touchable Smart EV”
มร. หวัง เฉิงเจี่ย (Mr. Wang ChengJie) รองประธาน บริษัท โฮซอน นิว เอนเนอร์ยี่ ออโต้โมบิล จำกัด กล่าวว่า “ด้วยเป้าหมายที่จะให้ผู้คนทั่วทุกมุมโลก มีโอกาสได้ใช้งานรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% พร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัยได้อย่างแพร่หลายมากยิ่งขึ้น บริษัทจึงทุ่มเทให้กับ "การสร้างรถยนต์เพื่อการใช้งานสำหรับทุกคน" ให้มี "สิทธิในการเข้าถึงเทคโนโลยีอย่างเท่าเทียมกัน" โดยทำหน้าที่เป็น “ผู้สรรสร้างนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้” ทำให้ NETA เริ่มแผนการขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา โดยประเทศไทย คือ เป้าหมายแรกภายใต้กลยุทธ์ดังกล่าวซึ่งเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาคอาเซียนที่มีศักยภาพสูง ภาครัฐมีนโยบายและมาตรการส่งเสริมการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างจริงจัง และเป็นรูปธรรม ขณะที่ผู้บริโภคก็เปิดรับยานยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นเช่นกัน”
บริษัท โฮซอน นิว เอนเนอร์ยี่ ออโต้โมบิล จำกัด หรือ Hozon Auto เป็นผู้ผลิตรถยนต์แบรนด์ NETA ซึ่งเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% จากประเทศจีน ก่อตั้งขึ้นในปี 2557 มีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในระยะเวลาเพียง 4 ปี ของการดำเนินธุรกิจ โดยสามารถเปิดตัวรถยนต์รุ่นแรกได้ภายในปี 2561 และจัดอยู่ในกลุ่มบริษัทรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ที่มียอดขายที่เติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง ในตลาดรถยนต์ประเทศจีน ด้วยอัตราการเติบโตสูงกว่า 362% ในปี 2564 ที่ผ่านมา มียอดจำหน่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้า รวมแล้วกว่า 170,000 คัน ช่วยลดการปล่อยมลพิษได้กว่า 279,000 ตัน โดยมีรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ที่ทำตลาด 3 รุ่นได้แก่ NETA U รถยนต์พลังงานไฟฟ้าสไตล์ SUV; NETA V รถยนต์พลังงานไฟฟ้าสไตล์ City Car รวมไปถึง NETA S รถยนต์พลังงานไฟฟ้าสไตล์สปอร์ต
ปัจจุบันมีศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวม 6 แห่ง โดย 3 แห่งอยู่นอกประเทศจีน ครอบคลุมทั้งในเยอรมนี อิตาลี รวมทั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะใน Silicon Valley สหรัฐอเมริกา พร้อมโรงงานผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ได้มาตรฐานระดับโลกรวม 3 โรงงาน ตั้งอยู่ในมณฑลเจ้อเจียง มณฑลเจียงซี และหนานหนิงเขตกวางสี ที่มีกำลังการผลิตรวม 250,000 คันต่อปี โดยโรงงานที่เมืองหนานหนิง จะเป็นโรงงานหลักสำหรับผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าพวงมาลัยขวา เพื่อส่งออกมายังภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก โดยมีตลาดที่สำคัญอยู่ที่ประเทศไทย พร้อมกำลังการผลิตอยู่ที่ 100,000 คัน
นอกเหนือจากนี้ ยังร่วมมือกับผู้นำด้านนวัตกรรมระดับโลกในหลายธุรกิจ อาทิ Sense Time ผู้พัฒนาอัลกอริทึม AI รายใหญ่ของโลก; Horizon Robotics ผู้นำด้านแพลตฟอร์มการประมวลผลปัญญาประดิษฐ์ (AI); Huawei ผู้ให้บริการโซลูชั่นเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT); CATL หนึ่งในผู้ผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก รวมไปถึงกลุ่มปตท. ในประเทศไทย โดยมีแพลตฟอร์มรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอัจฉริยะ 2 แพลตฟอร์ม ได้แก่ HPC และ HPA ครอบคลุมตลาดตั้งแต่กลุ่ม A00 ถึงระดับ B
NETA ได้ขยายธุรกิจสู่ตลาดประเทศไทยในปี 2565 ในนาม บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด พร้อมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับ บริษัท อรุณ พลัส จำกัด (Arun Plus) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ ปตท. ถือหุ้น 100% เพื่อศึกษาความเป็นไปได้สำหรับโอกาสทางธุรกิจและการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ภายใต้ความร่วมมือดังกล่าว Arun Plus จะเข้ามาร่วมสร้างนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า ร่วมกันกับ NETA โดยบทบาทหลัก คือ การเป็นผู้ผลิตรถยนต์ให้กับ NETA ผ่านบริษัท Horizon Plus ซึ่งจะสามารถเปิดสายพานการผลิตได้ภายในปี 2024
มร. เป่า จ้วงเฟย (Mr. Bao Zhuangfei) ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า “การดำเนินงานในประเทศไทย มุ่งเน้นความสำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ช่องทางการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุม และมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดี เพื่อส่งมอบประสบการณ์การขับขี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าในรูปแบบใหม่ เพื่อคนไทยสามารถเข้าถึงนวัตกรรม และเทคโนโลยีใหม่ๆ สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ NETA “Popularizer of Smart EV: สรรสร้างนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้”
ปัจจุบัน มีผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย 24 แห่ง ครอบคลุมในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล รวมถึงหัวเมืองใหญ่ ในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ โดยตั้งเป้าวางเป้าหมายขยายเพิ่มเป็น 30 แห่ง ภายในปีนี้ นอกจากนี้ ยังได้เตรียมความพร้อมในทุกๆ ด้าน ทั้งการฝึกอบรมความพร้อมเจ้าหน้าที่ สำหรับดูแลลูกค้าอย่างมืออาชีพ การจัดเตรียมอะไหล่สำรอง ให้สามารถรองรับกับความต้องการของลูกค้าอย่างทันท่วงที และบริการช่วยเหลือลูกค้ากรณีฉุกเฉิน NETA Call Center ตลอด 24 ชั่วโมง
NETA V รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% สไตล์ City Car มาพร้อมแนวคิด “Touchable Smart EV” รถยนต์พลังงานไฟฟ้าอัจฉริยะ ที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของได้ ได้รับการออกแบบภายนอกที่สวยงาม และการออกแบบภายในที่เรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย โดดเด่นด้วยหน้าจอ Infotainment ระบบสัมผัส ขนาด 14.6 นิ้ว พร้อมระบบการเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือ กุญแจแบบสมาร์ทคีย์ พร้อมระบบ Ride & Go ให้รถพร้อมสำหรับการขับขี่ทันทีที่เปิดประตูรถ
ขุมพลังมอเตอร์ขนาด 95 แรงม้า แรงบิด 150 นิวตัน-เมตร พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Lithium-Ion Battery) ความจุ 38.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง ระยะทางในการขับขี่สูงสุด 384 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟเต็มตามมาตรฐาน NEDC ผ่านการทดสอบตามมาตรฐานการป้องกันน้ำและฝุ่น IP67 พร้อมด้วยระบบจัดการอุณหภูมิแบตเตอรี่ HEPT 3.0 และระบบระบายความร้อนแบบ LIQUID COOLING SYSTEM รองรับการชาร์จกระแสสลับ AC Normal Charge จาก 0-100% ในระยะเวลาประมาณ 8 ชั่วโมง และการชาร์จกระแสตรง DC Quick Charge จาก 30-80% ในระยะเวลาประมาณ 30 นาที
นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชั่น V2L (Vehicle to Load) จ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้า ด้วยกำลังสูงสุดถึง 3,300 วัตต์ พร้อมการติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวก และเทคโนโลยีความปลอดภัยอย่างครบครัน
NETA V มีให้เลือก 5 สี ได้แก่ สีเขียว Cyan สีขาว White Storm สีชมพู Sakura Pink สีเทา Midnight Grey และสีฟ้า Sky Blue สำหรับราคาจำหน่ายอยู่ที่ 549,000 บาท
สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม NETA Call Center โทร. 02-039-5751 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ ติดตามข้อมูลข่าวสาร ได้ที่ Facebook : Neta Auto Thailand Neta Line Official : @netaautothailand Website : www.neta.co.th
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี