รัฐบาลเชิญชวนประชาชนใช้สิทธิในโครงการ “คนละครึ่ง เฟส 5” เพื่อร่วมกันสนับสนุนเศรษฐกิจฐานราก เดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ส่วนบรรยากาศในวันแรกเป็นไปอย่างคึกคัก ประชาชนออกมาจับจ่ายสินค้าอย่างต่อเนื่อง แค่ช่วงสายยอดเงินสะพัดเฉียด 120 ล้านบาท โดยแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง ใช้งานได้ปกติ ไม่มีปัญหาติดขัด
เมื่อวันที่ 1กันยายน2565 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เชิญชวนประชาชนผู้มีสิทธิในโครงการ “คนละครึ่ง เฟส 5” เริ่มใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ตุลาคม 2565 โดยรัฐร่วมจ่ายร้อยละ 50 ไม่เกิน 150 บาท/คน/วัน ไม่เกิน 800 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาโครงการฯ สำหรับประชาชนรายใหม่ที่ไม่เคยใช้สิทธิ์หรือไม่เคยยืนยันตัวตน ขอให้เร่งยืนยันตัวตนก่อนใช้สิทธิ์ครั้งแรก โดยใช้บัตรประชาชนในการยืนยันตันตน ณ ตู้เอทีเอ็ม สีเทา ของธนาคารกรุงไทย หรือธนาคารกรุงไทยฯ ทุกสาขา หรือผ่านแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT โดยผู้มีสิทธิ์รายใหม่และรายเดิมจะต้องใช้สิทธิ์ครั้งแรกผ่านเป๋าตังภายในวันพุธที่ 14 กันยายน 2565 เวลา 22.59 น. เพื่อมิให้ถูกตัดสิทธิ์ โครงการคนละครึ่งเฟส 5 ใช้วงเงินรวม 21,200 ล้านบาท ซึ่งรัฐบาลมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศ บรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชน และช่วยเพิ่มสภาพคล่องและกระตุ้นรายได้ให้ร้านค้าและผู้ประกอบการรายย่อย ผ่านการใช้จ่ายค่าอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าและบริการทั่วไป รวมถึงบริการขนส่งสาธารณะ จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนใช้สิทธิ์วงเงิน ตามกรอบระยะเวลา เพื่อร่วมกันสนับสนุนเศรษฐกิจฐานราก เดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยทุกระดับให้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ด้าน นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวถึงความคืบหน้าการเปิดให้ใช้จ่ายมาตรการเพิ่มกำลังซื้อเพื่อช่วยดูแลค่าครองชีพ ผ่านโครงการคนละครึ่งระยะที่ 5 บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และกลุ่มที่ต้องการช่วยเหลือพิเศษในวันแรกว่า ภาพรวมบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่พบการร้องเรียน โดยเฉพาะระบบแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง สามารถรองรับการใช้จ่ายของประชาชนได้อย่างเพียงพอ ไม่มีการติดขัดแต่อย่างใด
สำหรับยอดการใช้จ่ายช่วงเช้าถึงเวลา 10.00 น. มีการใช้จ่ายผ่านทั้ง 3 โครงการรวมประมาณ 394 ล้านบาท แบ่งเป็นการใช้จ่ายผ่านคนละครึ่งเกือบ 120 ล้านบาท โครงการเพิ่มกำลังซื้อบัตรสวัสดิการ 200 บาทต่อเดือน 262 ล้านบาท และเพิ่มกำลังซื้อผู้ที่ดูแลเป็นพิเศษ 200 บาทต่อเดือนอีก 12 ล้านบาท
นายพรชัย เปิดเผยว่า ยอดผู้ที่เข้าร่วมโครงการ ล่าสุดถึงวันที่ 31 สิงหาคม มีประชาชนที่เคยใช้สิทธิ์โครงการฯ ระยะที่ 4 กดยืนยันสิทธิ์เข้าร่วมโครงการฯ ระยะที่ 5 สะสมแล้ว 19.02 ล้านราย จากจำนวนประชาชนที่เคยใช้สิทธิ์โครงการฯ ระยะที่ 4 ที่สามารถกดยืนยันสิทธิเข้าร่วมโครงการฯ ระยะที่ 5 ทั้งสิ้น 26.27 ล้านราย ส่วนประชาชนรายใหม่ที่ไม่เคยเข้าร่วมหรือไม่เคยใช้สิทธิโครงการฯ ระยะที่ 4 ได้ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการครบแล้ว 2.30 แสนสิทธิ์ ขณะที่ผู้ประกอบการร้านค้าเข้าร่วมสะสมจำนวน 471,609 ร้านค้า แบ่งเป็นผู้ประกอบการร้านค้ารายเดิมจากโครงการฯ ระยะที่ 4 จำนวน 459,796 ร้านค้า และผู้ประกอบการร้านค้ารายใหม่จำนวน 11,813 ร้านค้า
“ขอแนะนำให้ให้ประชาชนรายใหม่ 2.3 แสนคน ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมคนละครึ่ง ระยะที่ 5 สำเร็จ แต่ยังไม่เคยยืนยันตัวตนด้วยบัตรประจำตัวประชาชนกับธนาคารกรุงไทย หรือยังไม่เคยทำธุรกรรมผ่านแอปพลิเคชั่น Krungthai NEXT ให้รีบยืนยันตัวตนก่อนการใช้สิทธิครั้งแรก โดยนำบัตรประจำตัวประชาชนมายืนยันตัวตนผ่านตู้เอทีเอ็มสีเทาของธนาคารกรุงไทย หรือที่ สาขาธนาคารกรุงไทย จึงจะเริ่มใช้สิทธิได้ รวมถึงจะต้องใช้จ่ายครั้งแรกผ่านเป๋าตังภายในวันที่ 14 กันยายนนี้ ไม่เช่นนั้นจะถูกตัดสิทธิ์” นายพรชัยกล่าว
ส่วนบรรยากาศการใช้สิทธิ์โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 ในพื้นที่ต่างๆ พบว่า ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์ในการซื้อสินค้ากันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะสินค้าประเภทของกิน ได้แก่ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำมันพืช น้ำปลา ปลากระป๋อง น้ำอัดลม และเครื่องดื่มชูกำลัง เป็นต้น รวมทั้งของใช้ในบ้าน โดยผู้ที่มาใช้สิทธิ์ฯ เห็นว่า โครงการคนละครึ่ง เป็นโครงการที่มีประโยชน์ ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชนได้จริง และควรที่จะขยายโครงการนี้ออกไปอีก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี