“หลักสูตรพลังงานเพื่อชุมชน (Community Energy Management Program: CEMP)” หรือ “พพช.” เป็นหลักสูตรที่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) พัฒนาขึ้นเพราะตระหนักถึงความสำคัญของ “การสร้างความมั่นคงด้านพลังงานในระดับชุมชน” ซึ่งเป็นรากฐานในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน โดยสาระสำคัญของหลักสูตรประกอบด้วย องค์ความรู้ด้านสถานการณ์พลังงานทั้งระดับโลกและประเทศ เทคโนโลยีพลังงานทดแทนภายในชุมชน
การจัดการพลังงานภายใต้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และการพัฒนาโครงงานพลังงานชุมชนที่มีความคุ้มค่าทั้งทางเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม อันจะนำไปสู่ความสามารถในการพึ่งพาตนเองด้านพลังงานอย่างยั่งยืน ผ่านกระบวนการวิเคราะห์ สังเคราะห์ พัฒนาศักยภาพ และกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันระหว่างผู้เข้าอบรม เพื่อนำไปใช้ประโยชน์อย่างสร้างสรรค์ต่อสังคมส่วนรวมและการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชน
หลักสูตรพลังงานเพื่อชุมชน มุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายจากทุกภาคส่วน ทั้งผู้บริหารหน่วยงานท้องถิ่น ผู้นำทางความคิด ปราชญ์ชาวบ้าน ผู้นำชุมชน นักพัฒนาอิสระ สื่อมวลชนท้องถิ่น และเยาวชน ผ่านกระบวนการเรียนการสอนทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ รวถมึงมีการศึกษาดูงาน ภายใต้การดูแลจากกลุ่มนักวิชาการชำนาญการ ผู้บริหารและพนักงาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เริ่มดำเนินการฝึกอบรมรุ่นแรกในปี 2558 จนมาถึงปัจจุบันคือปี 2565 นับเป็นรุ่นที่ 8 แล้ว
สำหรับ หลักสูตรพลังงานเพื่อชุมชน รุ่นที่ 8 จัดขึ้นภายใต้ Theme “พลังงานเพื่อการจัดการการเกษตร” ออกแบบเนื้อหาและกิจกรรมให้ชุมชนมีความรู้ความเข้าใจในการนำพลังงานทดแทนไปปรับใช้กับการเกษตร โดยกลุ่มเป้าหมายในครั้งนี้คือชุมชนที่เข้าร่วมโครงการเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) ของกลุ่ม ปตท. เพื่อให้ชุมชนเครือข่ายมีความรู้ด้านพลังงานทดแทน สามารถออกแบบโครงการที่นำไปปรับใช้กับการเกษตรได้ รวมทั้งสร้างเครือข่ายหลักสูตร พพช. ซึ่งมีผู้เข้าร่วมอบรม 58 คน แบ่งช่วงเวลาดำเนินโครงการเป็น 3 ช่วง ประกอบด้วย “ช่วงที่ 1 : อบรมภาคทฤษฎีและ ศึกษาดูงาน” ตั้งแต่การวิเคราะห์ศักยภาพพื้นที่ การให้ความรู้ด้านพลังงาน และการออกแบบโครงงานพลังงานชุมชน ระหว่างวันที่ 17 - 23 กรกฎาคม 2565
“ช่วงที่ 2 การติดตามโครงงานพลังงานชุมชนในพื้นที่” ซึ่งในรุ่นที่ 8 นี้มีทั้งสิ้น 12 โครงงาน ได้แก่ 1.โซลาร์เซลล์เคลื่อนที่เพื่อการเกษตรกลุ่มบึงหญ้า จากทีมบึงหญ้า ต.วังน้ำลัด อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ 2.การผลิตถ่านจากวัสดุเหลือใช้ในภาคการเกษตรและการจักสานโดยเตาเผาประสิทธิภาพสูง จากทีมกำแพงแสน ต.เชียงดาว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ 3.โครงการระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์แบบลากจูงเพื่อการเกษตร จากทีมภูฮ่อม ต.ถืมตอง อ.เมืองน่าน จ.น่าน 4.โซลาร์เซลล์รักษ์สิ่งแวดล้อม จากทีมนางนวล ต.บ้านฉาง อ.บ้านฉาง จ.ระยอง
5.Smart Energy สวนผักรักษ์โลก จากทีมบูรพา สถานคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กระยอง ต.ห้วยโป่ง อ.เมือง จ.ระยอง 6.โครงการตู้อบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ จากทีมวังไผ่สูง กศน. อำเภอเมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี 7.เทคนิคการคัดเมล็ดพันธุ์ข้าวด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ จากทีมสังฆจาย ต.ท่าลาด อ.เรณูนคร จ.นครพนม 8.โรงเรือนตากแห้งผลผลิตทางการเกษตรด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ จากทีมน้ำพอง ต.พิมาน อ.นาแก จ.นครพนม 9.โรงอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ จากทีมอู่ทอง ต.หนองน้าใส อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา
10.ระบบโซลาร์เซลล์และระบบโรงเรือนอัจฉริยะ (IoT) จากทีมลานกระบือ โรงแยกก๊าซธรรมชาติขนอม จ.นครศรีธรรมราช 11.เตาเผาถ่านประสิทธิภาพสูงเพื่อลดรายจ่ายครัวเรือนและภาคเกษตรกรรม จากทีมฝาง ต.ควนกรด อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช และ 12.ระบบโซลาร์เซลล์สำหรับการเพาะปลูกแตงโมในโรงเรือนอัจฉริยะ จากทีมหนองผักชี ต.ทุ่งสัง อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ดำเนินการในช่วงเดือนสิงหาคม 2565 โดยผู้เข้าอบรมกำหนดวันร่วมกับทีมงานหลักสูตร และ “ช่วงที่ 3 : ตัดสินโครงงานและรับประกาศนียบัตร” ระหว่างวันที่ 6 - 8 กันยายน 2565
โดยเพิ่งจัดพิธีปิดและมอบประกาศนียบัตรการอบรมหลักสูตรพลังงานเพื่อชุมชนรุ่นที่ 8 ไปเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา ณ อาคารสำนักงานใหญ่ ปตท. ซึ่ง นางกนกพร รอดรุ่งเรือง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารชื่อเสียงองค์กรและกิจการเพื่อสังคม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หลักสูตรพลังงานเพื่อชุมชน มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องด้านการจัดการพลังงาน
และสร้างเครือข่ายผู้นำการจัดการพลังงานระดับชุมชน โดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2558 มีผู้ผ่านการอบรม 389 คน และเกิดโครงงานเชิงปฏิบัติการด้านพลังงานชุมชน 73 โครงงาน ซึ่งผู้เข้าอบรมได้นำองค์ความรู้จากการอบรมมาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการพลังงาน ให้เหมาะสมกับบริบทของชุมชน เพื่อลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และสร้างการพึ่งพาตนเองด้านพลังงานอย่างยั่งยืน
“เช่น โครงงาน ‘หมูรักษ์โลก ตอนน้ำหอมหมู @ บ้านขุนอินทร์ ที่ผู้เข้าอบรมได้นำความรู้และแนวทางจากหลักสูตรไปพัฒนาเป็นโครงการพัฒนาพลังงานชุมชนด้วยระบบผลิตและส่งจ่ายก๊าซชีวภาพจากฟาร์มสุกร ต.ป่ายุบใน อ.วังจันทร์ จ.ระยอง ซึ่งช่วยแก้ปัญหามลภาวะทางกลิ่นและน้ำเสีย ลดค่าใช้จ่ายก๊าซหุงต้มให้ชุมชน 157,000 บาทต่อปี และสร้างรายได้จากการขายคาร์บอนเครดิตและกากตะกอนแปรรูปกว่า 896,600 บาทต่อปี เป็นต้น” นางกนกพร กล่าว
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แม้การรับประกาศนียบัตรจบการอบรมหลักสูตรพลังงานเพื่อชุมชน รุ่นที่ 8 จะถือเป็นการปิดหลักสูตรประจำปี 2565 อย่างเป็นทางการ แต่เชื่อว่าเส้นทางของการพัฒนาชุมชนของของผู้เข้ารับการอบรมยังไม่จบ โดยการจบหลักสูตรครั้งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการที่ผู้เข้ารับการอบรม จะได้นำความรู้ที่ได้รับจากหลักสูตรไปพัฒนาพลังงานชุมชนในพื้นที่ของตนเองสืบต่อไป
“หลักสูตรพลังงานเพื่อชุมชน เป็นกลไกหนึ่งที่ ปตท. ใช้ในการขับเคลื่อนงานด้านพลังงานชุมชน โดยการมุ่งให้ความรู้ความเข้าใจด้านพลังงาน และสร้างทักษะการคิดวิเคราะห์ วางแผนการบริหารจัดการด้านพลังงานชุมชน เพื่อให้ชุมชนท้องถิ่นนำความรู้ความเข้าใจ รวมถึงโครงงานที่ทุกท่านได้จัดทำขึ้นไปต่อยอดเพื่อสร้างรูปธรรมในพื้นที่ชุมชนต่อไป” นายอรรถพล กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี