นายเชฐวัฒก์ ทรงประเสริฐ นักวิเคราะห์ Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB เปิดเผยถึงภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2565 และในปี 2566 ว่า EIC มองว่ามีปัจจัยที่ต้องติดตามคือ ภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มกลับมาฟื้นตัว ซึ่งทำให้ตลาดเริ่มกลับมาเติบโตเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยยอดขายเพิ่มขึ้น 30% ทั้งนี้กลุ่มเซกเมนต์ที่ยังเติบโตได้ดี คือ คอนโดมิเนียมในระดับราคา 1-2 ล้านบาท ขณะที่กลุ่มแนวราบ บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ ติดลบ ส่วนกลุ่มที่จะปรับตัวเป็นบวก คือ บ้านเดี่ยว
อย่างไรก็ตาม คาดว่าแนวโน้มในปี 2566 ยอดขายจะเติบโตต่อเนื่องในรูปแบบค่อยเป็นค่อยไปโดยแบ่งเป็น คอนโดมิเนียมกลุ่มตลาดราคาต่ำยังคงเป็นที่ต้องการของตลาด ขณะที่บ้านเดี่ยวระดับราคา 6-10 ล้านบาท ยังไปได้ดี ในส่วนของยอดโอนกรรมสิทธิ์นั้น มองว่าทั้งในด้านมูลค่าและจำนวนหน่วยน่าจะโอนกรรมสิทธิ์ได้เพิ่มขึ้นประมาณ 4-5% และมีโอกาสเพิ่มขึ้นในระดับเดียวกันหรือมากขึ้นไปแตะที่ประมาณ 10% ในขณะที่ยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยมือหนึ่ง ตลาดคอนโดมิเนียม ทาวน์เฮ้าส์ มีการฟื้นตัว แต่ยังอยู่ระดับต่ำกว่าก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19
สำหรับความต้องการของผู้บริโภค EIC ได้มีการสอบถามไปยังผู้บริโภคและพบว่าผู้บริโภคต้องการบ้านแนวราบเป็นส่วนใหญ่ในสัดส่วนประมาณ 40% แต่ระดับราคาจะไม่เกิน 3 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงเทรนด์ของผู้บริโภคที่ยังชอบบ้านแนวราบอยู่ แต่กำลังซื้อที่มีทำให้ต้องตัดสินใจเลือกซื้อคอนโดมิเนียมแทน แล้วค่อยขยับขยายไปซื้อบ้านแนวราบภายหลัง โดยตลาดที่มาแรงและเติบโตสูงในปี 2565 นี้คือที่อยู่อาศัยมือสอง เพราะเป็นราคาเข้าถึงได้
ในส่วนของปัจจัยบวกในภาวะเศรษฐกิจปี 2566 ที่หวังว่าจะดีขึ้น เมื่อกำลังซื้อในประเทศฟื้นตัวและหากมีมาตรการกระตุ้นการซื้อขายจากภาครัฐ การผ่อนคลายมาตรการสินเชื่อต่อราคาบ้าน (LTV) รวมถึงการต่ออายุมาตรการลดค่าโอนกรรมสิทธิ์ และค่าจดจำนอง ตลอดจนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานจากภาครัฐ ส่วนต่อขยายรถไฟฟ้า จะมีส่วนกระตุ้นให้เกิดการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์
ทั้งนี้ ปัจจัยลบที่กดดันให้อสังหาริมทรัพย์ไม่เติบโต คือ อัตราเงินเฟ้อที่ยังคงสูง รวมถึงหนี้ครัวเรือนที่จะส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของประชาชน และต้นทุนการก่อสร้าง ซึ่งสิ่งที่ต้องระมัดระวังคือ การมีสต๊อกที่ยังสูงกว่าดีมานด์ และในปี 2566 จะมีการเปิดตัวเพิ่มขึ้น จะเป็นการเพิ่มจำนวนสะสมสต๊อกในตลาด โดยเฉพาะทาวน์เฮ้าส์ระดับราคา 2-3 ล้านบาท และบ้านเดี่ยวระดับราคา 3-5 ล้านบาท สำหรับเทรนด์ที่จะส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุนและกำลังซื้อของผู้บริโภค ประกอบด้วย สังคมผู้สูงวัย เทคโนโลยี การทำงานแบบไฮบริด และการทำธุรกิจเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม คือเทรนด์ที่ผู้บริโภคถามหาจากนักพัฒนาธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี