นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์(สกนช.) เปิดเผยว่า ในรอบปี 2565 กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ได้ดำเนินการให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2562 โดยดูแลเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมในช่วงเกิดวิกฤตด้านพลังงานนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 จากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในช่วงฤดูหนาว จากนั้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 เกิดสงครามรัสเซียและยูเครน ซึ่งส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ต้องใช้กลไกจากกองทุนฯ ในการอุดหนุนราคา โดยเฉพาะน้ำมันดีเซล
ทั้งนี้แนวโน้มราคาน้ำมันตลาดโลกที่เริ่มปรับลดลง โดยผู้ค้าน้ำมัน เช่น บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก(OR) ที่เป็นผู้นำราคาน้ำมันในตลาด ได้ทยอยปรับลดราคาน้ำมันกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์รวมประมาณ 4 บาทต่อลิตร ส่วนราคาน้ำมันดีเซลยังไม่สามารถปรับลดลงได้ ยังอยู่ในกรอบ 35 บาทต่อลิตร เนื่องจากคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(กบน.) ให้เรียกเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันดีเซลเข้ากองทุนฯ 1.15 บาทต่อลิตร เพื่อชดเชยฐานะกองทุนฯที่ล่าสุดวันที่ 25 กันยายน 2565 ยังติดลบ 124,216 ล้านบาท แต่ถ้าเดือนตุลาคม 2565 ราคาน้ำมันตลาดโลกยังลดลงต่อเนื่อง กบน.อาจพิจารณาปรับลดราคาน้ำมันดีเซลด้วย เพื่อช่วยผู้บริโภค
นอกจากนี้เตรียมเสนอแนวทางการดูแลมาตรการดูแลราคาน้ำมัน หลังจากมาตรการลดภาษีดีเซล 5 บาทต่อลิตร ของกระทรวงการคลังจะสิ้นสุดมาตรการในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2565 หนึ่งในแนวทางที่จะนำเสนอคือ ถ้ากระทรวงการคลังกลับมาเก็บภาษี 5 บาทต่อลิตร กองทุนฯจะเข้าไปชดเชยราคา ตามจำนวนเงินที่กองทุนฯเรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันดีเซล เช่น ปัจจุบันเรียกเก็บ 1.15 บาทต่อลิตร จะพิจารณานำไปชดเชย 1 บาทต่อลิตร และอีก 15 สตางค์ต่อลิตร จะเก็บเข้ากองทุนฯ จะส่งผลให้ราคาดีเซลขยับขึ้น 4 บาทต่อลิตร แทนที่จะขึ้น 5 บาทต่อลิตร หากกองทุนฯเก็บเงินได้มากกว่า 1.15 บาทต่อลิตร ก็จะช่วยพยุงราคาดีเซลได้มากขึ้น
นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) กล่าวว่า หากกระทรวงการคลังไม่ต่ออายุลดภาษีดีเซลอีก จะส่งผลให้ราคาดีเซลต้องขยับขึ้นถึง 5 บาทต่อลิตร จากปัจจุบันราคาอยู่ที่ 34.94 บาทต่อลิตร ดังนั้นการที่กองทุนฯเรียกเก็บเงินผู้ใช้ดีเซล จะสามารถนำมาบริหารจัดการไม่ให้ราคาดีเซลขยับขึ้นถึง 5 บาทต่อลิตรได้ ล่าสุด กบน.มีมติให้เรียกเก็บเงินจากผู้ใช้น้ำมันดีเซลเข้ากองทุนฯ 1.15 บาทต่อลิตร เนื่องจากราคาน้ำมันโลกปรับลดลงเป็นครั้งที่ 3 ในปี 2565 ที่เรียกเก็บเงินเข้ากองทุนฯ โดยจะช่วยให้กองทุนฯเริ่มมีเงินไหลเข้า 71.10 ล้านบาทต่อวัน
ทั้งนี้ สกนช.เตรียมพร้อมรองรับทิศทางราคาน้ำมันที่จะสูงขึ้นในช่วงฤดูหนาว 4 เดือน(พฤศจิกายน-ธันวาคม-มกราคม-กุมภาพันธ์) คาดว่าต้องใช้เงินกองทุนฯไปชดเชยดีเซล 2-3 หมื่นล้านบาท คาดว่าในเดือนธันวาคม 2565 จะกู้เงินจากสถาบันการเงินได้ ส่วนวงเงินกู้จะพิจารณาตามสถานการณ์การใช้เงินในช่วงนั้นๆ ภายใต้กรอบวงเงินที่กู้ได้สูงสุด 30,000 ล้านบาท
สำหรับการดำเนินงานของสกนช.ตลอด 1 ปี(กันยายน 2564-กันยายน 2565) ใช้เงินกองทุนฯชดเชยราคาดีเซลรวม 111,540 ล้านบาท ชดเชย LPG รวม 25,111 ล้านบาท ส่งผลให้กองทุนฯเข้าสู่ภาวะติดลบสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ณ วันที่ 18 กันยายน 2565 ติดลบถึง 125,348 ล้านบาท โดยสถานะกองทุนฯล่าสุดวันที่ 25 กันยายน 2565 ติดลบรวม 124,216 ล้านบาท โดยมีเงินช่วยเหลือด้านราคาก๊าซจากกลุ่มปตท.เข้ามาเติม 1,000 ล้านบาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี