อาวดี้ เดินหน้ารุกตลาดครึ่งปีหลัง เปิดตัวรถปลั๊กอินไฮบริดเจเนอเรชั่นล่าสุด The New Audi Q5 Sportback 55 TFSI e และ Audi Q5 55 TFSI e แรงสุด 367 แรงม้า ซึ่งนับเป็นการเปิดตัว Sport SUV ขนาดกลางครั้งแรกในประเทศไทย
The New Audi Q5 55 TFSI e quattro และ The New Audi Q5 Sportback 55 TFSI e quattro มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 2.0 TFSI กำลังสูงสุด 265 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 370 นิวตันเมตร กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 143 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตรเมื่อผนวกพละกำลังกันแล้ว ทำให้มีกำลังแรงม้า รวมสูงสุดถึง 367 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดถึง 500 นิวตันเมตรจับคู่กับเกียร์ 7 สปีด S tronic ส่งกำลังผ่านระบบ quattro with ultra technologyโดยระบบขับเคลื่อนจะสามารถปรับให้ขับเคลื่อนแค่ล้อหน้าได้ในกรณีที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเพื่อช่วยในการประหยัดน้ำมัน และจะสามารถเปลี่ยนเป็นระบบขับเคลื่อนแบบสี่ล้อได้ทันที เมื่อมีความจำเป็น
นอกจากนี้ ยังมีแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ซึ่งอยู่ในบริเวณใต้ ที่เก็บสัมภาระท้ายรถ ผลิตจาก prismatic cell จำนวน 104 เซลล์ ความจุพลังงานแบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงสูง ขนาด 17.9 กิโลวัตต์ ซึ่งทำให้อัตราสิ้นเปลืองของ The New Audi Q5 55 TFSI e quattro อยู่ที่ 52.6 กิโลเมตรต่อลิตร และปล่อย co2 เพียง 44.5 กรัมต่อกิโลเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 5.3 วินาที ความเร็วสูงสุดถูกจำกัดไว้ที่ 239 กม./ชม. และเมื่อใช้กำลังจากแบตเตอรี่ไฟฟ้าอย่างเดียว สามารถวิ่งได้ไกลถึง 54.3 กิโลเมตร และความเร็วสูงสุดของมอเตอร์ไฟฟ้าอยู่ที่ 135 กม./ชม. หากความเร็วมากกว่านั้น เครื่องยนต์จะติดขึ้นมาเพื่อเสริมแรงบิดร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า
เทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดใน Q5 ถูกออกแบบมาให้มีความชาญฉลาดสุดๆ ภายใต้โหมดการขับขี่ ที่หลากหลายทั้ง Audi Q5 55 TFSI e quattro และ The New Audi Q5 Sportback 55 TFSI e quattro สามารถตอบโจทย์การขับขี่ได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการขับขี่ในเมืองด้วยระบบไฟฟ้าล้วน การขับขี่ทางไกล หรือการขับขี่แบบสปอร์ต ที่สำคัญประหยัดน้ำมันเป็นเยี่ยม เพราะถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน ด้วยโหมด EV ใช้ไฟฟ้าล้วน
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีความจำเป็นต้องใช้งานที่ระยะทางไกล ก็สามารถเลือกใช้โหมดการขับขี่แบบ Auto ได้ ขณะที่ลูกค้าที่ต้องการความรู้สึกแบบสปอร์ต และความสนุกสนานในการขับขี่ ก็สามารถเลือกโหมดการขับขี่แบบ Dynamic ที่จะมีการทำงานร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ ให้ได้กำลังสูงสุด สำหรับลูกค้าที่ต้องการปรับการใช้งานในรูปแบบต่างๆ ให้เหมาะกับสไตล์ของตัวเองก็สามารถตั้งค่าการใช้งานในโหมดการขับขี่แบบ Individual
เทคโนโลยีปลั๊กอินไฮบริดของ Q5 สามารถจัดการรูปแบบการใช้พลังงานในการขับขี่ได้ 2 แบบ คือ EV modeและแบบ Hybrid โดยการจัดการพลังงานแบบ EV mode ถูกออกแบบมาสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ซึ่งจะถูกใช้งานทุกครั้งหลังจากที่สตาร์ทรถ โดยตัวรถจะขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้าล้วน ตราบใดที่ผู้ขับไม่เหยียบคันเร่งลึกกว่าจุดที่กำหนด จึงประหยัดน้ำมันมากที่สุด ส่วนการจัดการพลังงานแบบ Hybrid แบ่งออกเป็น 3 โหมด ได้แก่ โหมดแรก คือ Auto Hybrid ตัวรถจะมีการจัดการการทำงานระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าอย่างอัตโนมัติตามสภาวะการขับขี่ โหมดที่สอง Battery Hold เป็นโหมดที่จะรักษาระดับพลังงานของแบตเตอรี่ไว้ให้คงเดิม และโหมดสุดท้าย Battery Charge ตัวรถจะมีการชาร์จแบตเตอรี่ให้ได้มากที่สุด โดยเครื่องยนต์จะมีบทบาทในการทำงานมากขึ้น
The New Audi Q5 55 TFSI e และ The New Audi Q5 Sportback 55 TFSI e ได้รับการติดตั้งแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ขนาด 17.9 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง มาพร้อมกับ on board charger ขนาด 7.4 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง จะใช้เวลาชาร์จประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง เมื่อชาร์จด้วยระบบไฟ Industrial ที่มีแรงดันไฟฟ้า 400 โวลต์ 16 แอมป์ หรือ Wallbox ที่มีกำลังไฟ 7.4 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง เป็นต้นไป ทั้งนี้ยังมาพร้อมกับเครื่องชาร์จแบบ Compact สำหรับการชาร์จด้วยไฟบ้าน
สำหรับราคาจำหน่าย มีดังนี้ Audi Q5 55 TFSI e quattro S line ราคา 3,699,000 บาท, Audi Q5 55 TFSI e quattro S line Black Edition ราคา 3,950,000 บาท และ Audi Q5 Sportback 55 TFSI e quattro S line Black Edition ราคา 4,190,000 บาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี